Sunday, May 31, 2009

การสื่อสารกับโลกที่เรียกว่า"อีกภพหนึ่ง"








เดือนก่อนระหว่างเดินทางกลับจากโรงเรียน ระหว่างทางเห็นการประกอบพิธีของชาวอินเดียกลุ่มหนึ่ง มีผู้หญิงสี่ห้าคนลุกๆกราบๆราบกับพื้นถนน มีผู้หญิงอีกสองคนถือถังน้ำแล้วราดลงบนตัวของหญิงที่นอนกับพื้น พร้อมกับโรยขนมตามตัวของผู้หญิงที่นอนกับพื้น ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างวิ่งกันมาเก็บขนมนั้นกินกัน ดูเหมือนขนมนั้นจะเป็นสิ่งมงคล ท้ายขบวนจะมีกลองสองกลองห้อยอยู่ที่ตัวของผู้ชายสองคน คอยตีเป็นจังหวะๆที่ไม่น่าฟังเลย มีแต่สร้างความหนวกหู ตอนแรกฉันไม่กล้าถ่ายรูปเลย เพราะคิดว่าเป็นการเรียกร้องขอความช่วยเหลือเรื่องน้ำจากรัฐบาลชุดใหม่ที่จะมีการเลือกตั้งในเดือนนั้น ขบวนแล้วขบวนเล่าก็ยังมีอีก เลยถามคนผ่านทางคนหนึ่ง ได้ผลมาว่า เป็น "Sinto Rama Puja" หรือพิธีบูชาเทพพระเจ้าสินโทรามของอินเดีย

การประกอบพิธีนี้กระตุ้นให้ฉันพึงนึกถึงการประกอบพิธีกรรมของม้งเรา เสียงกลองในขบวนนั้นสะกิดให้นึกถึงการตีกลองในงานศพ เสียงกระดิ่งที่ถูกกลบโดยเสียงกลอง หวนให้นึกถึงเสียงแคนในงานศพ และเสียงของเครื่องมือดนตรีที่Shaman(คิดว่าคำนี้น่าใช้กว่า)ใช้ในการสื่อสารกับอีกภพหนึ่งเวลาที่อัวเน้ง
สิ่งหนึ่งที่ฉันเฝ้าติดตามการคิดของตัเองตอนนี้คือ การสื่อสารของคนในโลกนี้กับสิ่งที่เราคิดว่าอยู่อีกโลกหนึ่งนั้นทำไมต้องมีการสื่อสารด้วยเสียงที่อึกทึกดังลั่นราวกับปลุกทัพให้สู้ศึก??

คำตอบที่ไม่ได้กรองมาก่อนบอกเพียงว่า ตามกฎของหยินและหย่างแล้ว เมื่อโลกของเราเงียบแล้ว โลกอีกโลกหนึ่งต้องฮึกเหิม
ฉะนั้นการที่จะติดต่อกับลกนั้น เราต้องสื่อสารกันด้วยเสียงที่ดังๆอย่างนั้น ในทางกลับกัน ผู้เป็นเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิืเองก็สื่อสารกับเราด้วยความเงีบย จนเราไม่รับรู้ถึงการอยู่ร่วมของสิ่งเหล่านั้นเลย ที่เป็นอย่างนั้นอาจเป็นเพราะเพื่อการดำเนินการทางธรรมชาติที่เท่าเทียมกัน ฟ้าที่ได้จากการทอของเก๊าจั๊วมันผืนเล็กไปไม่สามารรถครอบคลุมพื้นดินทั้งหมดได้ พื้นดินจึงถูกดึงเข้าให้เป็นขุนเป็นเขาเพื่ออะไร....เพื่อความเท่าเทียมกันและการดำเนินการต่อไป

Friday, May 29, 2009

พยายามเข้าใจโลก


โลกนี้แคบเกินไป-------->โลกทางความคิด
โลกที่ยิ่งใหญ่กว่าโลกนี้รอเราอยู่------>ไม่มีโลกไหนยิ่งใหญ่กว่าโลกนี้แล้ว

โลกที่ฉันอยากไปเที่ยว------>โลกของแต่ละคน
โลกที่ไม่มีใครอยู่--------->โลกของเด็กน้อยคนคนหนึ่งเอง

ในกระบวนการพยายามเข้าใจสิ่งสิ่งหนึ่ง
ได้เพียงนำความรู้สึกมาวัดความเข้าใจของสิ่งนั้น
ผลที่ตามมาสามารถมีได้100,50,และ0

การไม่เข้าใจตัวเอง..จะเป็นไปไม่ได้
เพราะตัวเราเข้าใจตัวเราดี แต่ ณ เวลานั้นที่เรามักพูดออกมาโดยไม่มีความรู้สึกว่า
"ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ" หากเรารู้ว่าเราไม่เข้าใจตัวเอง นั่นแสดงว่าเราเข้าใจตัวเองแล้ว


การเข้าใจผู้อื่นจะเป็นไปได้อย่างไร หากเราไม่เข้าใจตัวเรา... เข้ามาหาตัวเองเสียหน่อยดีไหม?
เพื่อวันหน้าตัวเราจะได้เข้าใจคนอื่นๆมากขึ้นๆ...

โลกของความแตกต่างไม่ได้ได้แต่สร้างสีสัน สร้างความวุ่นวาย ความโหดหร้าย แต่ยังสร้างชั้นบรรยากาศที่แตกต่างของจิตใจคนเรา จะน่าอยู่หรือไม่น่าอยู่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง....นั่นคือฉันพยายามใช้ความรู้สึกเป็นเกณฑ์ในการพยายามเข้าใจสิ่งรอบตัว ไม่รู้จะได้ผลลัพท์เท่ากับเท่าไหร่

Sunday, May 17, 2009

ชายบัญชา หญิงน้อมรับเพื่อเพชรเม็ดงามหรือ?




เพราะเราเชื่อว่าผู้ชายคือไฟ ผู้หญิงคือถ่าน ผู้ชายเกิดมาพร้อมกับกับสิ่งที่มีพลังอำนาจ ผู้หญิงเกิดมาพร้อมกับความอ่อนน้อม และเพราะเหตุนี้เสียงจึงเหมาะกับผู้ที่สามารถเป็นผู้นำได้นั่นคือผู้ชาย ส่วนผู้หญิงก็คงเกิดมาพร้อมกับความสงบเงียบที่พร้อมจะตาม หากไม่มีคนตาม ก็หามีหัวหน้าไม่ หากไม่มีคำว่าผู้นำ เราจะมีคำว่าผู้ตามหรือ?

ความเชื่อของของคู่กันนี้ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของความเป็นจริง เรื่องที่เป็นจริงมีบ่อเกิดอยู่สองแห่งคือ งานการสร้างของธรรมชาติและการสร้างของมนุษย์ เรื่องที่ธรรมชาติสร้างมามักจะเป็นสิ่งคู่กันเสมอๆ แต่สิ่งสองสิ่งนี้อาจปรากฎอยู่แยกกันคนละที่ก็ได้ หรืออาจรวมอยู่ในรูปรูปหนึ่งก็ได้ แต่มีผลให้กันและกันเสมอ...ความรักและความเกลียดแยกกันอยู่ต่อเมื่อใจเรารักหมดใจและเกลียดถึงกระดุกดำ ไม่ฉะนั้นความรักและความเกลียดจะปรากฎอยู่ในที่ที่เดียวกัน

แต่ความสนใจของข้าพเจ้าในวันนี้ เพียงแค่ต้องการดูเฉพาะสิ่งสองสิ่งนี้ที่ขัดกัน แต่มีความลงตัวอยู่ในตัวของมัน นั่นคือ การทะเลาะเบาะแว้งของสามีภรรยา แม้ผู้เป็นสามีจะทุบ จะตี หรือจะเตะ แต่ภรรยาทำได้แค่รับรู้ความเจ็บปวด ความเสียใจ และฝึกความอดทนของร่างกายและจิตใจ ดูเหมือนคำต่อว่าไม่มีหยุดของสามีช่วยกลบกลืนเสียงของภรรยาได้เป็นอย่างดี ทำให้ข้าพเจ้าพึงคิดในใจอย่างไม่พอใจว่า "ผู้เป็นเจ้าของเราได้ให้ผู้ชายพกสิบปากมาด่าว่าภรรยาของตัวเองหรือ? แล้วทำไมไม่โยนทิ้งสักอันหนึ่งให้ภรรยา เพื่อมาถามหาความยุติธรรมเสียบ้างล่ะ!!" แม้จะหาความถูกต้องไม่ได้ แต่การเงียบของภรรยาจะช่วยให้ผู้ชายก็จะหยุดเอง แต่หากภรรยามีคำโต้เถียงสวนทางกลับไปบ้าง แน่นอนว่าแม่ยายต้องบอกว่าได้ลูกสะไภ้ไม่ดี เรื่องราวจะไม่จบเป็นแน่ เหตุนี้หญิงบ้านหญิงเรือนหลายๆคนที่มีคุณสมบัติของสะไภ้ดีในแบบฉบับของมาตรฐานม้ง แม่ศรีเรือนม้งตัวจริงจึงไม่หาความยุติธรรมให้ตัวเองเลย และจะไม่นำเรื่องให้คนนอกช่วยรับรู้ทั้งนั้น แม้จะลำบากใจมากเพียงใด

ด้วยเหตุนี้ทำให้ข้าพเจ้าตั้งแต่รู้เรื่องมาจนรักเรียนต้องพลอยแอบซ่อนมีด ซ่อนเคียว และซ่อนขวานให้ไกลจากมือของพวกผู้ชายรอบตัวในยามที่รู้ว่ามีปัญหา การเอาอุปกรณ์พวกนี้ออกไปพักงานนอกบ้านบ้างจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เด็กคนหนึ่งจะพอรับมือช่วยเหลือได้สถาณการณ์ ข้าพเจ้าเห็นเหตุการณ์เหล่านี้หลายต่อหลายคู่ทั้งที่ใกล้ตาและไกลตัว จนเป็นที่น่าจดใส่ใจสำหรับข้าพเจ้ามาตลอดว่า "การแต่งงานได้ขโมยอะไรบางอย่างของผู้หญิง และได้ลดสิทธิของผู้หญิงไป" คุณแม่หลายๆสอนเสมอว่า "แม้้เราจะถูก แต่อย่าไปพูดเลย ปล่อยให้เป็นไปตามที่ผู้ชายทำ แล้วเรื่องจะดีเอง หากเราไปต่อล้อต่อคำอีก เดี๋ยวเรื่องจะยิ่งเละและยิ่งยาว"

ข้าพเจ้าควรที่จะเรียกคุณแม่ที่ยอมทนยอมอยู่อย่างนี้ว่าอย่างไรดี ข้าพเจ้าควรที่จะยึดถือพวกเขาเป็นแม่แบบหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆแล้วแต่คุณทราบไหมว่า คุณพ่อและคุณแม่ของครอบครัวหนึ่งในกลุ่มนั้นได้เป็นคุณพ่อและคุณแม่ดีเด่นในภายหลังแล้ว
ข้าพเจ้าจึงคิดว่าสงสัยฟ้าลิขิตให้เราแต่ละครอบครัวขัดกันก่อน ขัดเพื่อให้ได้เพชรเม็ดงาม

อย่างไรก็ตามแม่เหตุการณ์จะผ่านมาแล้วนานนับปี แต่ภาพต่างๆเหล่านั้นยังไม่จางหายจากข้าพเจ้า เหมือนกับความบอบช้ำของจิตใจของคุณแม่เหล่านั้นในวันนี้ที่ยังรักษาไม่หายแม้จะกลายเป็นคุณยายหรือคุณป้าไปหมดแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้แต่เจ็บลึกๆไปพร้อมๆกับคุณแม่เหล่านั้นจนถึงวันนี้ จึงได้เขียนบทความเรื่องนี้สอบถามความก้าวหน้าในชีวิตคู่ของม้งเรา หากในวันนี้การมีชีวิตคู่้ของม้งเราได้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ข้าพเจ้าคงต้องกลับมาเปลี่ยนใจ เพื่อรอรับคู่ขวัญของข้าพเจ้าแล้วล่ะ

Monday, May 4, 2009

พี่ชายรักน้องสาวและน้องสาวรักพี่ชาย

เมื่อห้าปีที่แล้ว...ตอนนั้นฉันจะเด็กเกินไปที่จะเข้าใจว่าทำไมคุณย่าฉันถึงเอาเสื้อผ้าและน๊งหย่งไปให้กับน้องชายของย่า เสื้อผ้าพวกนั้นเป็นเสื้อผ้าที่น่ากลัวมากสำหรับฉัน มีลักษณะไม่เหมือนที่เราใส่ไปเล่นปีใหม่กัน แต่มีสีสันซีดๆจืดๆลักษณะเหมือนกับเสื้อผ้าที่คุณลุงคนหนึ่งใกล้บ้านฉันเขาสวมนอนอยู่ใต้หิ้งในบ้านหลังนั้น....ภาพนี้ทำให้ฉันเข้าใจได้โดยง่ายๆว่า น๊งหย่งผืนนั้นคุณย่าเขากำลังทำให้กับคุณลุงที่ฉันค่อนข้างกลัวมากตั้งแต่เด็ก เพราะคุณลุงนี้พูดไม่ได้ แต่อัฉริยะมากเลย ท่านนอกจากจะยิงหน้าไม้ข้างๆบ้านฉันไม่เว้นวันหยุดแล้ว ยังทำธนูและทำไม้กวาดเป้นหลักด้วย

แค่นึกถึงว่าผ้าผืนนี้จะเอาไปใช้งานอะไร ฉันก็กลัวไม่กล้าถามต่อแล้ว....แต่ตลอดระยะเวลาฉันพกพาความสงสัยนี้อยู่กับตัวเสมอ
คนเสียชีวิตคนแ้ล้ววคนเล่า สองครั้งของปีที่แล้วที่ฉันกลับบ้าน มีผู้ชายที่แซ่เดียวกับคุณย่าไม่มีน้องสาวหรือพี่สาว...เค้ายังต้องมาขอให้ย่าไปเป็นผู้แทนน้องสาวหรือพี่สาวของคนคนที่เสียชีวิตเลย ครั้นคุณย่าจะไปร่วมงาน เขาก็พกน๊งหย่งไปอันหนึ่งติดมือไปด้วย ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมต้องทำอย่างนั้นไปทำไม เห็นที่ศพลูกหลานเค้าก็มีใส่ให้เยอะแยะแล้วนิ คิดลึกๆคิดเรื่อยๆเลยมาคิดมาถึงวันนี้ การมีพี่ชายหรือน้องสาวสักคนคงต้องสำคัญแน่ๆ ไม่อย่างนั้น ย่าของเราคงไม่ได้ไปเป็นผู้แทนแน่ๆ

.เรื่องของการเสียชีวิตเป็นเรื่องที่ฉันไม่อยากได้ยินนัก เลยไม่อยากถาม...เก็บเอาไว้และเก็บเอาไว้โยงใยเล่นๆสร้างความสัมพันธ์ประกอบเป็นความคิดใหม่อีกหนึ่งความคิดที่น่าจะเป็นไปได้

เท่าที่ได้ไปกินข้าวบ้านศพมาตั้งแต่เด็กจนป่านี้ ในระหว่างที่รอข้าวกิน เราก็จะเห็นกิจกรรมต่างๆที่ประกอบขึ้นในงานศพแล้วหลายต่อหลายครั้ง จึงมีความคิดไปเองว่า ที่คุณย่าต้องปักน๊งหย่งให้พี่ชายของย่าคนนั้นก็ไม่ต่างจากการที่ย่าไปเป็นตัวแทนในฐานะน้องสาวให้ลุงคนนั้นที่ไม่ได้เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา

ในงานศพคืนนั้นของญาติฉัน พ่อให้คำตอยมาว่า"หากพี่ชายหรือน้องชายเสียชีวิต ในคืนที่มีการเปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถออกมาพูดถึงหนี้สินที่ผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ได้จ่าย เข้าใจง่ายๆเลยก็คือว่า ลูกหนี้สามารถไปทวงได้ในคืนนั้นเท่านั้น หากทวงหลังจากนี้ จะถือว่าเป็นโมฆะ" ทำไมเราต้องมีขั้นตอนในการจ่ายหนี้สินนี้คืนด้วย? คิ้วฉันกระโดดขึ้นทำท่างงๆไม่พูดอะไรจนพ่อต้องขยายความต่อว่า "เพื่อให้ผู้เสียชีวิตไปอย่างไม่ติดหนี้ติดสินอะไร ชีวิตจะได้อยู่เป็นสุข" ในขั้นตอนของการตรวจสอบนี้นี้มีผู้คนล้อมวงตะโกนกันลั่นให้คนมาทวงกันในเวลานั้นๆ งานชิ้นสุดท้ายของการตรวจเชคนี้ ดูเหมือนจะเป็นงานของผู้เป็นน้องสาวหรือพี่สาวของผู้ตายที่จะต้องตรวจสอบว่า พี่ชายของไม่ติดหนี้อะไรอีกแน่นะ

ในกรณีที่น้องสาวเสียชีวิต พี่ชายเองก็ต้องตรวจดูเช่นกันว่าน้องสาวของตัวเองไม่ติดหนี้อะไรก่อนที่จะไปสู่อีกภพหนึ่ง หากน้องสาวเป็นสะไภ้ที่ไม่ดีพอ พี่ชายจะต้องฆ่าหมู ฆ่าวัวทำพิธืให้น้องสาวเพื่อทำปลดปล่อยให้เค้ารอดพ้น ทั้งนี้เพื่อวิญญาณของน้องสาวคนนี้ถึงจะได้เป็นบรรพบุรุษคนหนึ่งของผู้ชายที่เขาไปแต่งานด้วยอย่างจริงๆ และแล้วเท่านั้นถึงจะสามารถกลับมาจุติใหม่ได้ตามความเชื่อของม้งๆเรา

หากไม่มีการเชคอย่างนี้ สามีฝ่ายหญิงอาจไม่ทำพิธีบางอย่างให้ฝ่ายหญิงก็ได้ ฉะนั้นด้วยความกลัวว่า ไหนๆน้องสาวเราก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของตัวเองแล้ว น้องสาวเขาจำเป็นที่จะต้องเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของสามีเขา ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ได้ไปอยู่ในสายเลือดบรรพบุรุษใดๆในความเชื่อของม้ง จึงกลายมาเป็นธรรมเนียมในการปฏิบัติไปอยู่เรื่อยมา

สิ่งเล็กน้อยๆนี้ได้ถูกแฝงอยู่ในเรื่องพิธีกรรมอย่างเรียบเนียนเป็นผืนผ้าโน๊งหยง จนยากสำหรับคนอย่างเราที่จะเข้าใจและสามารถแยกแยะออกมาเป็นสัดเป็นส่วนของความรักของพี่น้อง หรือเป็นเพียงแค่ความเชื่อ จารีต หรือประเพณี

ฉันมีความรู้็สึกว่าการปักน๊งหย่ง การฆ่าสัตว์ทำพิธี และการตรวจสอบหนี้สินให้กับผู้เป็นพี่ชายหรือน้องชายมีความหมายเช่นกันกับการที่พี่ชายทำให้น้องสาว ฉันจึงคิดว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่เป็นหน้าที่ ไม่ใช่เป็นความรับผิดชอบ แต่เป็นความรักระหว่างพี่น้องที่จะต้องดูแลกันละกัน

ทุกวันนี้ฉันยังคงเห็นพี่ัรักน้อง น้องรักพี่เพียงแค่มีน้ำตาตกหน้าศพ ปากร้องโหๆๆๆๆอยู่หน้าศพ และตาซ้ายตาขวาคอยดูว่ามีคนเห็นเราร้องหรือเปล่า....อย่างนี้แล้วเป็นความรักหรือ?

มาพูดถึงความรักของพี่น้องม้งที่มีต้อพี่น้องม้ง...หวังว่าคราใดที่ครอบครัวฉันไหนไปเยี่ยมคนไกลๆจะได้บ้านพัก ได้ข้าวลงท้อง เพราะเพียงความเป็นพี่น้องม้ง

หากใครมาบ้านนี้ล่ะก็ แน่นอนว่าถ้าหากคุณถือพาสพอร์ทความรักม้งมาด้วยล่ะก็ อย่างน้อยก็ได้น้ำดื่ม...และไข่สักฟองก็คงไม่มีทอดให้แขกของฉันทานเลย....แต่วันนี้ซิ เท่าที่เดาเอาก็คงนับไม่ถ้วนแล้วว่า "มีกี่หลังคาเรือนแล้วที่ทอดไข่ให้แขกรับประทาน".....เราคงต้องเรียนรู้กันเรื่องใข่อีกเยอะเลยว่าม่า...ว่าทำไมเราถึงไม่เตรียมใข่ให้แขกรับประทาน ทั้งๆที่มีสารอาหารสูงๆอยู่

(ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่รู้จักการสะกดโน๊งหย่งเป็นภาษาม้ง..เลยขออนุญาติใช้ภาษาไทยเลยนะคะ ช่วยสะกดให้หน่อยนะคะ เดี่ยวจะแก้ให้วันหลัง...จักขอบพระคุณมากเลยค่ะ)

ประโยคน่าคิด



ประโยคน่าคิดๆ คัดสรรนำมาฝากกันในวันนี้นะคะเพื่อนๆ

1.Dynasties rise ,people suffer;
Dynasties fall,people die.

โดย..Sam Hamill จากหนังสือ world Poetry,Chinese poetry หน้า 502

2."Nothing is more beautiful than truth except truthful living"

3.สาเหตุนี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ชีวิตดับใช่ไหม..."ตายเร็ว ตายช้าขุ้นอยู่กับความใสสะอาดของจิตเรา"

My Friends' Blogs

India and I

  • There are alots of things which waiting for us to discover. All knowledge is not around us,but inside. It is depended upon our ability to realise and pick it up. The apple falls from the tree,and if Newton failed to learn from it,then the law of gravitation would have not been discovered!!!
  • India is the country of contrast. You often see someting beyound your expectation.Yet,and I found that there is a tool similar to Hmong's ones expecially the stick used for balancing the two baskets for carrying water. I observed that their's one is like ours only. In Hmong language we can read it phonetically as " / dΛ ŋ/ ". This attracts me to look forward for the connection.
  • India has also have a interesting story "Why corps in the filed do not come home themselves like in the past?" I have heard this story when I was a child. Thus when I came across this Indian legend ,it reminds me of the Hmong version. If you are interested you can check it out form my page in Thai text,otherwise you can surf it. This story creates another couriosity in me. I want to find out if we had been to India before we reached in China. Because the ICE AGE or the Peleolithic Age or The Earliest traces of human existance was in India.
  • India is where we Hmongs think that there are also Hmongs live in. But I have experienced that there is not Hmong Indian. Yet,there is a gruop of people who call themselves as "Mizo"(with the similarity of the Hmong's names given by the Han, i.e. Miao zu,Meo or even Mizo ) .But as far as I have learnt form my Mizo friends in college,our language is competely different to one another.Moreover, our dress also is different. However there are many Hmong researchers suggested me that there are Hmongs living in India,and yes, there are Hmongs living here, but only living for studying.
  • I was in debt to India. She educates,guides and teaches me how to be a great survior.
  • เป็นกำลังใจให้ทุกคนๆเดินออกมาพร้อมความสำเร็จนะ
  • ใครเรียนอยู่อินเดียบ้าง..ขอมือหน่อย