เดือนก่อนระหว่างเดินทางกลับจากโรงเรียน ระหว่างทางเห็นการประกอบพิธีของชาวอินเดียกลุ่มหนึ่ง มีผู้หญิงสี่ห้าคนลุกๆกราบๆราบกับพื้นถนน มีผู้หญิงอีกสองคนถือถังน้ำแล้วราดลงบนตัวของหญิงที่นอนกับพื้น พร้อมกับโรยขนมตามตัวของผู้หญิงที่นอนกับพื้น ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างวิ่งกันมาเก็บขนมนั้นกินกัน ดูเหมือนขนมนั้นจะเป็นสิ่งมงคล ท้ายขบวนจะมีกลองสองกลองห้อยอยู่ที่ตัวของผู้ชายสองคน คอยตีเป็นจังหวะๆที่ไม่น่าฟังเลย มีแต่สร้างความหนวกหู ตอนแรกฉันไม่กล้าถ่ายรูปเลย เพราะคิดว่าเป็นการเรียกร้องขอความช่วยเหลือเรื่องน้ำจากรัฐบาลชุดใหม่ที่จะมีการเลือกตั้งในเดือนนั้น ขบวนแล้วขบวนเล่าก็ยังมีอีก เลยถามคนผ่านทางคนหนึ่ง ได้ผลมาว่า เป็น "Sinto Rama Puja" หรือพิธีบูชาเทพพระเจ้าสินโทรามของอินเดีย
การประกอบพิธีนี้กระตุ้นให้ฉันพึงนึกถึงการประกอบพิธีกรรมของม้งเรา เสียงกลองในขบวนนั้นสะกิดให้นึกถึงการตีกลองในงานศพ เสียงกระดิ่งที่ถูกกลบโดยเสียงกลอง หวนให้นึกถึงเสียงแคนในงานศพ และเสียงของเครื่องมือดนตรีที่Shaman(คิดว่าคำนี้น่าใช้กว่า)ใช้ในการสื่อสารกับอีกภพหนึ่งเวลาที่อัวเน้ง
สิ่งหนึ่งที่ฉันเฝ้าติดตามการคิดของตัเองตอนนี้คือ การสื่อสารของคนในโลกนี้กับสิ่งที่เราคิดว่าอยู่อีกโลกหนึ่งนั้นทำไมต้องมีการสื่อสารด้วยเสียงที่อึกทึกดังลั่นราวกับปลุกทัพให้สู้ศึก??
คำตอบที่ไม่ได้กรองมาก่อนบอกเพียงว่า ตามกฎของหยินและหย่างแล้ว เมื่อโลกของเราเงียบแล้ว โลกอีกโลกหนึ่งต้องฮึกเหิม
ฉะนั้นการที่จะติดต่อกับลกนั้น เราต้องสื่อสารกันด้วยเสียงที่ดังๆอย่างนั้น ในทางกลับกัน ผู้เป็นเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิืเองก็สื่อสารกับเราด้วยความเงีบย จนเราไม่รับรู้ถึงการอยู่ร่วมของสิ่งเหล่านั้นเลย ที่เป็นอย่างนั้นอาจเป็นเพราะเพื่อการดำเนินการทางธรรมชาติที่เท่าเทียมกัน ฟ้าที่ได้จากการทอของเก๊าจั๊วมันผืนเล็กไปไม่สามารรถครอบคลุมพื้นดินทั้งหมดได้ พื้นดินจึงถูกดึงเข้าให้เป็นขุนเป็นเขาเพื่ออะไร....เพื่อความเท่าเทียมกันและการดำเนินการต่อไป
No comments:
Post a Comment