
น่าตลกดีนะ คนเราเห็นสัตว์ชนิดเดียวกัน แต่ลอกเลียนแบบเสียงของสัตว์นันๆไม่เหมือนกัน เนื่องจากอะไรหรือ เพราะสัตว์ชนิดเดียวกันในแต่ละพื้นที่หรือภาคของโลกที่ร้องไม่เหมือนกันหรือ? หรือว่าคนแต่ละซีกของโลกเรานี้มีความสามารถในการได้ยินเสียงสัตว์ที่แตกต่างกันออกไปหรือ? หากใครรู้คำตอบก็อย่าลืมให้คำตอบมาในกระดาษนี้ด้วยนะคะ จักขอบพระคุณเป็นอย่างมาก
ฉันถามคุณเล่นๆอย่างนี้เพราะจำได้ว่า เพราะคืนก่อนโน้นเมื่อปี 2007 วันนั้น พวกเรากำลังนั่งทานข้าวโต๊ะเดียวกันกับเพื่อนต่างที่ต่างถิ่นเหมือนเช่นเคย แต่ว่าเมนูอาหารของวันนั้นพิเศษกว่าทุกวัน มีเนื้อไก่ผัดใส่พริกเค้าเรียกแบบไม่ค่อยคุ้นหูชาวบ้านเท่าไหร่คือ" Chili Chicken" ข้าวผัดจีน "Chinese Fried Rice" ความอร่อยของนี่แหละที่เป็นตัวนำของเรื่องนี้ไปสู่เสียงของสัตว์ต่างๆบนโต๊ะอาหาร
"I eat so much" เพื่อนโรมาเนียเอ่ยออกมา
(วันนั้นฉันก็ไ่ม่ทานเยอะนะ เพราะฉันมักจะหิวก่อนสองทุ่ม)หลังจากเพื่อนพูดประโยคข้างบนนี้แล้ว ฉันก็เลยเอ่ยไปพลางๆโดยไม่ทันคิดว่าไม่ควรเอ่ยไปว่า" ถ้าทานเยอะๆนะ พรุ่งนี้แม้ไก่จะลืมขันให้คุณตื่น แต่ไก่ที่กินไปคงไม่ลืมหรอกที่จะปลุกคุณให้ตื่นแต่เช้าเลย"
อะ อ่ะ อ่ะ..อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ ฉันหมายถึงว่าถ้าทานเยอะๆ พรุ่วนี้ไก่ในท้องจะขันตามทษฏีแตงโมที่เราเคยเรียนรู้จากพ่อแม่ยาม
เด็กว่า" ถ้ากินเม็ดแตงโมไปด้วย ตื่นมาจะมีต้นแตงโมขึ้นจากท้องมายังปากจมูก" ฉันจึงเอามาเล่นๆอย่างไม่รู้กาเทสะเท่าไหร่กับเพื่อน แต่ดูเหมือนฉันจะมีปัญหารนิดหน่อยคือ ไม่รู้ว่าคำว่า "ขัน" ในภาษาอังกฤษเค้าพูดว่าไง ทีนี้ประโยคที่เราพูดไปข้างต้นก็เลยกลายเป็นเป็นประโยคนี้ "ถ้าคุณกินเยอะๆ พรุ่งนี้ "chicken will กู๋กู๊ลูลู่ wake you up early!!! ทีนี้เพื่อนวงแตกเลย ไม่มีใครกินต่อได้ เพราะขำที่เราขันเสียงแปลกๆไม่เคยได้ยิน
ทีนี่เจ้าเพื่อนโรมาเนียคนนี้ก็เลยได้ทีขันมั่ง...แกทำเสียงของไก่โรมาเนียขันว่า "กู่กู๊ ลู่ลู" เสียงนี้ก็คล้ายๆของม้งเรานะ แต่แม่ของเราชอบลากเสียงยาวกว่านี้ ก็รู้ไหมเสียงเพราะทั้งนั้นเลย เพราะกว่าไก่ร้องจริงๆเสียอีก
ความขำของการทำเสียงไก่ให้ชีวิตกับเสียงการร้องของสัตว์อื่นบ้าง เอาล่ะ เสียงเจ้าทุยมั่งทีนี้ ฉันพอจำได้เสียงที่น้องชายชอบทำทักทายกับเจ้าทุยในนาอยู่เมื่อเรายังเด็ก ฉันทำเสียง "งวก งวก" ติดต่อกันหลายครั้ง แต่เพื่อนสักคนไม่มีใครทายได้เลยว่าเป็นเสียงเจ้าทุย ด้วยความที่ฉันเขินๆหน่อยกับเสียงนั้นเลยไม่ได้เฉลยให้เพื่อนๆจนถึงตอนนี้
เสียงเจ้าวัวมั่งคราวนี้ "บ้านเธอควายร้องว่าไง" ฉันถามเขา ทันทีเลยที่เค้าทำเสียงโต้ตอบสะท้อนมาว่า "มู-------" (ลากเสียงยาวๆเหมือนบ้านเราเลย แต่มูมูเท่าั้นั้นที่ไม่เหมือน)ฉันหัวเราะเป็นยกใหย่อีกครั้ง แล้วทำเสียง"มอ------" ทีนี้ถึงทีเค้าหัวเราะอีก....หว้า...สัตว์เดียวกัน สปีชีเดียวกันแท้ๆ แต่ทำไมน้อ เสียงที่มนุษญ์เราให้มันต่างกันจัง
ฉันขออีกเสียงหนึ่งเพื่อนยืนยันทษฏี"สัตว์เดียวกัน แต่มนุษย์เราให้เสียงขันที่ต่างกัน" ทีนีอุไรขอเสียงม้าบ้าง แต่สรุปแล้วเสียงม้าบ้านเราและบ้านฝรั่งร้องเหมือนกัน
อย่าว่าแต่เสียงสัตว์เลย คนแต่ละคนก็ยังหัวเราะหรือร้องไห้ต่างกันเลย บางคนหัวเราะจนไม่มีเสียง บางคนอยู่ๆไม่มีเสียงอะไร แต่น้ำตาไหลริน บางคนร้องอย่างเดียวไม่พอ น้ำมูกมาเป็นเพื่อนด้วย ฉะนั้นจึงขอสรุปว่า เลยคิดไปเองว่าแม้การร้องจะต่างกันแต่ว่าความรู้สึกของผู้มีอาการนั้นแสดงออกมาในทำนองเดียวกันเสมอๆ
พุดถึงเรื่องร้องไห้นี้ชวนให้ฉันคิดถึงวันวานในอดีตที่ยังเป็นหนูน้อยอยู่ ในโรงเรียนจะมีเด็กปกาเกอญอ เด็กเค้าจะร้อง "อื้อ อื้อ อื้อ อื้อ" แต่เด้กม้งเราฉันสังเกตแล้วจะชอบร้อง "ห่า ห่า ห่า" ฉันไม่แน่ใจว่าเด็กคนเมืองร้องกันอย่างไรน้อ แม้กระทั่งเด็กอินเดียเหมือนกันที่ยังไม่เคยได้ยินเลย ไม่มีโอกาสได้อยู่กับเด็กก็เลยไม่ได้สัมผัสตรงนี้....สิ่งที่ขาดของชีวิตในขณะนี้ไปเสียแล้ว
มีความสุขนะคะ...กับวันหยุดของใครหลายๆคนในวันนี้
No comments:
Post a Comment