
คิดๆในใจในช่วงเวลาที่พอมีให้คิดไปเรื่องเปื่อย นึกถึงภาพของพ่อแม่เราที่อยู่ด้วยกัน ทั้งสุขและไม่สุข แต่ก็อยู่ด้วยกันมาจวบจนวันนี้ ได้ยินเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งของผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ทำงานในเมืองนี้ ผู้ซึ่งมีหน้าตา ความรู้ และบุคคลิกที่เหมาะสมที่ได้รับตำแหน่งสูงส่งอย่านั้น ท่านถามเด็กๆวัยรุ่นเกี่ยวกับความคิดเห็นในเรื่องของความรัก และการแต่งงาน โดยท่านได้มีหัวข้อให้เด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้คิดคือ "ตอนเป็นแฟนทั้งสองรักกันอยู่ แต่หากแต่งงานกันไปแล้ว ไม่รัก ต้องทำอย่างไร?" ทันใดนั้นมีเสียงแซวมาจากผู้ร่วมงานของท่านท่านหนึ่งบอกว่า" ดีนะที่ภรรยาของท่านไม่อยู่ ไม่งั้นแย่แน่" เด็กวัยรุ่นที่เหลือไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่โห่กับความคิดเห็นนั้น ...และแล้วท่านก็เลถามต่อมาอีกว่า" อกหักเป็นอย่างไร?" น้องวัยรุ่นคนหนึ่งอธิบายอย่างเป็นรูปธรรมว่า "อกจะหักได้ก็ต่อเมื่อเราถูกทิ้งคนอื่นทิ้ง" อีกคนหนึ่งช่วยเพิ่มเติมว่า" อย่างนี้ต้องถาม...ซิ อกหักได้หลายเดือนแล้ว" แต่ละคนมีหัวใจที่ไม่เหมือนกัน น้อยคนมีหัวใจที่แข็งแกร่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มากคนที่มีหัวใจที่อ่อนไหวแต่กำเนิด แต่ละคนมีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นนิยาม ทัศนคติ และคุณค่าของความรักของแต่ละคนจึงแตกต่างกันไป เราก็เลยคิดว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น อาการอกหักของแต่ละคนก็ย่อมแตกต่างกันไป ท่านผู้ใหญ่ท่านนี้ถึงได้ถามพวกเด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้
อกหักก็คงไม่ต่างจากการอย่าร้าง เราว่าเขาคนนั้นคือคนที่ใช่แล้ว แต่ว่าก็ยังคงมีปัญหาอยู่เสมอระหว่างคนสองคนเมื่ออยู่ร่วมกัน...ฉะนั้นเราไม่ควรคิดมากไปเลยเมื่ออกหัก อกหักและการอย่าร้างคงไม่ต่างกันเท่าใดนัก หากคนที่ยังไม่เคยแต่งงาน เมื่อไหรก็ตามที่มีปัญหาหัวใจ ก็คงไม่มีสิทธิ์ไปใช้คำว่าอย่าร้าง แต่ต้องใช้คำว่า" อกหัก" เพื่อให้เหมาะสมกับสถานะของตัวเอง อกหักการจากกันของสองคน การอย่าร้างก็เช่นกัน เป็นลักษณะของการไปกันไม่ได้ของคนสองคนที่แต่งงานไปแล้วอยู่ด้วยกันไม่ได้ จึงจำเป็นต้องจากลากันไป อกหักและอย่าร้างอาจเกิดขึ้นด้วยความพอใจของอีกคนหนึ่ง แล้วอีกคนหนึ่งไม่พอใจก็ได้ หรืออาจให้ตัวเองหรืออีกคนหนึ่งหรือทั้งสองคนเสียใจหรือดีใจก็ได้หรือเปล่าเราไม่ทราบ รู้แต่ว่าพวกเขาจากกันเหมือนกับอกหัก
หากมีโฮกาสอกหักก็ลองๆอกหักกันดูนะ อาจเป็นอาการเงีบยๆที่ทำร้ายตัวเองมากที่สุด แต่ในทางที่ดีที่สุดก็ได้ แต่หากเมื่อไหร่ก็ตามที่ไม่มีโอกาสอกหักเหมือนวัยรุ่นแล้ว อย่าคิดที่จะอย่าร้างนะ เพราะว่าเราอยากเห็นพวกคุณมีความสุขกัน แต่งกันแล้วก็ต้องอยู่ด้วยกันเป็นร่มเป็นเงาให้กันและกันเป็นแบบอย่างความรักที่ดีให้กับพวกเรา และคนรุ่นหลังต่อไป
สรุปคือไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรในวันนี้...เลยเขียนเรื่อยๆ เล่นๆ คิดอะไรออกก็เขียนไปตามอารมณ์ จนไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อเรื่องว่าอย่างไรดี รู้แต่ว่าความคิดของตัวเองตอนนี้น่ากลัวจังเลย...ไม่เหมือนที่พ่อแม่คิดเสียเลย
No comments:
Post a Comment