
ศุกร์นี้ฉันไม่รู้ว่าเป็นวันอะไรหรอก จนกระทั่งถึงตอนเย็นที่กลับบ้านแล้วเห็นผู้ใหญ่เขาจัดสถานที่อย่างสวยงามตรงทางเข้า ก็เลยนึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเน้อ ไม่ได้ถามความแต่อย่างใด ตกดึกสามทุ่มครึ่งหลังทานข้างเสร็จแล้ว ฉันก็เดินตระเวณตามถนนเล็กแถวโกลพาร์ค แล้วไปทะลุที่ถนนใหญ่ราชบีฮารี ไม่มีร้านมากนักแล้วที่เปิดร้านอยู่ ผู้คนที่ขายของสงหว่างทางกำลังเก็บของอย่างเขมักเขม้น ฉันเจอสองหนุ่มเนปาลหรือเนปาลีเข้า เค้าก็คงคิดว่าฉันเป็นพวกเดียวกับเค้า ส่งภาษาให้ฉันอยู่ แต่ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด เดินมาเรื่อยๆ ไฟของเมือนี้ก็ดับอีก ผู้คนไปๆมาๆเหมือนกับไฟไม่ดับเช่นเคย สักครู่เดินเข้ามาใกล้บ้าน มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา...เอ้ เจ้ากุ๊กนิ..มาแล้วหรือเนี่ย เร็วกว่ากำหนดจัง..การบินไทยเลื่อนเวลาการบินเพราะหมอกลงหนักในช่วงเช้าตรู่ ปกติจะถึงที่นี่ก็ตีสาม แต่น้องมาถึงที่นี่สี่ทุ่ม ..ต่อจากนั้นฉันก็เดินเข้าไปในสถานที่ที่ทางพระฮินดูจัดสถานที่สำหรับวันสำคัญของวันนี้ ฉันเข้าไปดูๆอยู่เห็นลุงคนหนึ่งกำลังจัดวางผงสีอะไรสักค่อนข้างมีน้ำหนักนิดๆ ค่อยๆวางไปเป็นรูปทรงและรูปภาพต่างๆจนก่อนฉันกลับ ฉันขณะที่รอดูผลงานของลุงนั้น ก็เข้าไปข้างในแล้วไปฟังพระฮินดูสวดมนต์ประกอบกับเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งของอินเดีย ไม่มีใครมาฟังเลย มีแต่ลุงสองคน พระ และฉั้นแค่นั้นแหละ สักครู่เดินออกมา แล้วมาพูดคุยกับลุงนี้ เค้าทำงานให้กับรามคริสนามิสชั่นได้ 29 ปีแล้ว ชวนฉันคิดไปพลางๆว่า องค์กรศาศนานี้รักษาคนใช้ไว้จนผมขาว ผิวย่นกันหมดก็ยังไม่เคยให้เค้าออกเลย บางคนที่ดูแลอาหารให้พวกเราก็อายุมากแล้ว หลายๆคนที่รดน้ำต้นไม้ไม่ไหวแล้ว ก็ยังถอนหญ้าอยู่ เฮ้ย...หากไม่ทำแล้ว จะทำอะไรเล่า?
เอาล่ะต่ออีกนิดเรื่องของเราในวันนี้นะ...วันนี้เป็นวันของทุกคนเลยนะ คนที่ขนไขว้หาความรู้จะไม่แตะหนังสือเลยนะวันนี้ เป็นลางไม่ดีสักเท่าไร เพื่อนๆบอกฉันตั้งแต่ปีแรกที่มาอยู่ที่นี่ เราก็ลืมอ่ะ ก็เลยไปหยิบหนังสือมาอ่านเลยอ่ะ..สักครู่คิดได้..วางลง..อยู่ๆ ก็ไปจับมาอีก..เหอะๆ เด็กเรียนไง..จับหนังสือเป็นกิจวัตร ลองตั้งใจไม่จับซิ..รับรองว่าคุณต้องลืมด้วยแน่ๆเลย กิกิ
ทุกคนทั้งผู้ใหญ่และเด็กทยอยกันเข้ามาที่วัดฮินดูที่อยู่ข้างๆบ้านพักเรา ผู้ชายและผู้หญิงทั้งน้อยใหญ่ต่างสวมชุดอินเดียกันโดยเฉพสะชุดสีขาวและเหลือง คงรู้นะว่าหมายถึงอะไร...ฉันสวมชุดสาวาคาเมสสีหลืองและเขียวหน่อยจ้า สวยเหมือนคนอินเดียเหมือนกันนะ จริงๆแล้วต้องใส่สาหรี แต่อุดไว้ตอนงานFarewellก่อน แฮะๆ
เดินข้างหน้าเรื่อยๆตรงที่คนไปเยอะๆ ไปดูว่าเค้าทำอะไร ไม่รู้ว่าเค้าทำไรกัน อ้อ..ดอกไม้หนึ่งกำฉั้นยื่นมือไปกำ แล้วนำมาอธิฐานของพรเจ้าเจ้าแม่สาราวาตี พระสวดก็สวดตมพระไป จากนั้นก็คืนดอกไม้ในมือไป แล้วถูกนำไปเทไว้ตรงหน้าของเจ้าแม่ ฉันเดินออกมาเรื่อยๆ ตรงที่ไม่มีคนเยอะเท่าไหร่ แล้วหาโอกาสถ่ายรูปผู้คนสักครู่ ก็ถ่ายกันเองมั้งเมือเพื่อนๆมา ไม่นานเราต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไป แล้วฉั้นก็กลับมาสู่ความเป็นปกติของชีวิตในวันเสาร์เช่นเคย แต่ไม่แตะหนังสือเลยนะวันนี้ จริงๆนะ เพราะอยากจะเก่งเหมือนเด็กอินเดียบ้าง...สรุปแล้ววันนี้เป็นวันแห่งความรู้ วันที่ฉั้นคิดว่าฉั้นควรรู้จักตัวเอง รู้จักสำนึกถึงบุญคุณของผู้อื่น และรู้จักและตระหนักคุณค่าของการศึกษาเล่าเรียนมากกว่าการที่ต้องหาความรู้ให้มากที่สุดในวันแห่งความรู้อย่างนี้ ไม่งั้นพ่อแม่คงแนะนำให้เด็กๆอ่านหนังสือมากว่าการออกไปบูชาเจ้าแม่สาราตีแล้วล่ะ
No comments:
Post a Comment