
วันนี้เป็นวันที่สมเด็จพระเทพรันตราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จเยี่ยมโรงเรียนตำรวจตระเวณชายแดนรัปาปอร์ต โรงเรียนที่ฉันผูกพันมาตั้งแต่เล็กจนถึงปัจจุบัน จากการฟังคำบรรยายจากคุณแม่ของฉัน พระองค์ท่านทรงพระเครื่องมายังสนามอบต.บ่อแก้ว แล้วเดินทางโดยพระที่นั่งมายังโรงเรียนแห่งนี้ที่บ้านป่าเกี๊ยะใน ด้วยการทรงงานทั้งวันที่อำเภอแม่แจ่มด้วย พอถึงที่โรงเรียนของพวกเราก็ ๑๗.00 นาฬิกาแล้ว และเพียงสักสองชั่วโมง พระองค์ท่านก็เสด็จกลับ การเสด็จครั้งนี้ทิ้งช่วงได้ 5 ปีเต็มหลังจากที่มีการเสด็จในปี 2547
การทรงงานทางไกลของพระองค์ท่านคงเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรของพระองค์ท่านไปเสียแล้วหล่ะ ไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างเลยหรือ?
การทรงงานยามเย็นวันนี้ที่โรงเรียน เตือนให้ฉันนึกถึงสองปีก่อนที่พระองค์ท่านทรงเสด็จมาเยี่ยม Loreto College ในอินเดียที่ฉันกำลังเรียน โดยมีภารกิจคราวๆดังนี้คือ พระองค์ท่านกลับจากการเยี่ยมสถานที่สำคัญต่างในเมืองกัลกาต้าประมาณ ๑๖.00 นาฬิกา และหกห้าโมงเย็นเสด็จไปยังวิทยาลัยของเพื่อนผู้ชายอีกคนหนึ่งที่มาด้วยกัน St.Xavier college สามทุ่มเป็นเวลาเสวยพระหระยาหารของพระองค์ท่าน สี่ทุ่มเป็นเวลาที่เหล่าข้าราชการและนักเรียนทุนอย่างข้าพเจ้าต้องเข้าเฝ้าในโรงแรมที่พักของพระองค์ท่าน เที่ยงคืนเป็นเวลาเสด็จไปยังสนามบินเนทาจี(Netaji Airport) ตีสองครึ่งเป็นเวลาที่นกของการบินไทยบินออกจากที่นี่ พระองค์ท่านเสด็จถึงประเทศไทยก็ประทาณ ๖ นาฬิกาตอนเช้า กลับถึงไทยมีเสด็จไปทรงงานที่อื่นอีก...เป็นฉันคงไม่ไหวหล่ะ...แต่นี่คือใครเล่า?
ฉันคิดแล้วรู้สึกว่า พระองค์ท่านเป็นผู้หนึ่งที่ทำงานไม่เป็นเวลาเอาเสียเลย ไม่มีการเว้นวันหยุด และไม่ฟิสเวลาในการทำงาน ดึกๆ เช้าๆ และบ่ายๆเป็นเวลาของการทำงานหมด ...แล้วก็ไม่ทรงอยากพักผ่อนบ้างเลยหรือพระพุทธเจ้าค่ะ? ต่างจากฉันเสียเหลือเกินที่เอาเวลามากมายใช้อย่างไม่เป็นเรื่องเป็นราวเท่าไหร่ การนึกถึงการทรงงานอย่างหนักของพระองค์ท่านแล้ว วันนี้ทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของพระองค์ท่านที่ฝากไว้กับฉันก่อนเดินทางมาที่นี่และตอนที่มาเยี่ยมที่นี่ หวังบางอย่างฉันได้ทำบ้างแล้ว และหวังอีกมากมายยังไม่ได้ทำเลย...เลยชักจะกลัวๆหน่อยแล้วซิกับการรเสด็จของพระองค์ท่านในเดือนหน้า เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ฉันต้องมองดูตัวเองอีกครั้งหนึ่ง เพื่อรายงานให้พระองค์ท่านได้ทราบ...แล้วจะรายงานว่าอย่างไรดี ฉันไม่ได้ใช้สิ่งที่อยู่ในฉันอย่างมีประโยชน์เลย
อย่างไรก็ตามตอนนี้ภูมิใจที่มีพ่อแม่ให้โอกาสเรา ครูให้โอกาสเรา และคนรอบข้างใหโอกาสเสมอ ฉันภูมิใจที่พ่อแม่ของฉันมีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์ท่านอีกครั้งหนึ่ง คุณย่าเราอยู่หลังสุดโน้นเลย แต่คุณแม่และคุณพ่อเราอยู่หน้านี่เอง ส่วนเราก็อยู่ที่นี่ อยู่ที่นี่ตัวเล็กจะตาย แต่เมืองไทยดูแล้วตัวใหญ่มากเลย...เราก็แค่นี้ อย่างนี้ ลูกใคร หลานใครก็ไม่รู้ ทำไมพระองค์ท่านถึงมีเมตตาอย่างนี้....พระองค์ท่านไม่กลัวเลยหรือว่า ต้นไม้ที่ปลูกไปอาจจะไม่เจริญเติบโตหรืออาจจะให้ผลที่ไม่งามบ้างเลยหรือ...ทำไมถึงกล้าเสี่ยงกับต้นไม้ต้นนี้ในป่าดงดิบที่ห่างไกลจากแสงสว่าง ...มีวันนี้ อาจเป็นเพราะพระองค์ท่านคิดว่า อย่างน้อยต้นไม้ต้นนี้ก็อาจสามารถกลับไปตกแต่ง และจัดทรงกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ที่เล็กกว่าให้ดูดีขึ้นได้ เหมือนที่พระองค์ท่านให้โอกาสเด็กๆอย่างพวกเราที่นี่วันนี้...ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบขอบพระมหากรุณาธิคุณนี้ พระคุณที่ล้านคำไม่อาจบรรยายได้ เงินตราตีค่าไม่ได้...จะทำให้ดีที่สุดนะคะ...กำลังจากฟากฟ้ามากมายจากคนที่รัก ชอบ และห่วงเรามีให้เราเสมอ..
เรนไร ๒๑ มกราคาม ๒๕๕๒
2 comments:
ขอบคุณค่ะ สำหรับบทความดี ๆ
ขอบคุณมากที่แวะมานะคะ
อยู่ไหนเอ่ย?
Post a Comment