Monday, February 16, 2009

เทคนิคการสร้างมนุษย์สัมพันธภาพ ( Human Relations Technique) โดยคุณพุทธินันท์


เทคนิคการสร้างมนุษย์สัมพันธภาพ
( Human Relations Technique)
ความนำ
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม (social animal) ที่ต้องอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มเป็นพวก เป็นสังคม เพราะมนุษย์กับสังคมเป็นสิ่งควบคู่มาตั้งแต่อุบัติมนุษย์ขึ้นมาในโลก จะเห็นว่ามนุษย์ไม่อาจจะอยู่โดดเดี่ยวได้ มนุษย์จะต้องติดต่อประสานงานกัน ต้องพบปะพูดคุยกัน ต้องทำกิจกรรมร่วมกัน และสิ่งสำคัญคือต้องพึ่งพาอาศัย ซึ่งกันและกันเพื่อความอยู่รอด ตลอดจนทำให้กิจกรรม และการงานต่างๆ ประสบผลสำเร็จ การที่มนุษย์จะพึ่งพาอาศัยกันนั้น มนุษย์จะต้องรู้จักการให้และรับด้วยไมตรีจิต ดังโคลงโลกนิติที่ว่า
ให้ท่านท่านจักให้ ตอบสนอง
นบท่านท่านจักปอง นอบไหว้
รักท่านท่านควรครอง ความรัก เรานา
สามสิ่งนี้เว้นไว้ แต่ผู้ทรชน
จึงเห็นได้ว่า การพึ่งพาอาศัยกันอยู่ บนพื้นฐานของความเห็นอก เห็นใจ ซึ่งกันและกัน เป็นการสร้างไมตรีจิตต่อกัน หรือ เป็นการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อกันนั่นเองในการใช้เทคนิดเพื่อการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ นั้นมีวิธีการและขั้นตอนหลายอย่างในทางวิชาการเห็นว่า แต่ละท่านได้เสนอเทคนิควิธีการที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละคนต้องพิจารณาเลือกใช้เทคนิควิธีการที่เหมาะสมกับตัวท่านเอง บางท่านยังไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ ก็จะต้องฝึกสร้างมนุษย์สัมพันธ์ให้เกิดขึ้น บางท่านอาจมีมนุษย์สัมพันธ์อยู่บ้างแล้ว ก็ควรเสริมสร้าง และพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เพื่อความสุขและความสำเร็จในชีวิตงาน และการเป็นในสังคมมนุษย์ต่อไป
มนุษย์สัมพันธ์ เป็นเรื่องของสังคม ความสุภาพอ่อนน้อม มารยาทผู้ดีง่าย ๆ และการปรับตัว แต่ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ซับซ้อน และละเอียดอ่อนที่สามารถทำให้คนอื่น รักใคร่ชอบพอได้
การทำให้คนอื่นรักใคร่ชอบพอ นับถือ ศรัทธาและให้ความช่วยเหลือเราทั้งในด้านส่วนตัวและกิจการงานนั้น นับว่าเป็นสิ่งไม่ง่ายนัก ต้องอาศัยหลักวิชาการและศิลปะของการสร้างมนุษย์สัมพันธ์เป็นอย่างยิ่ง ดังคำกลอน (คติสอนใจ) ที่ว่า
ผูกสนิทชิดเชื้อนี้เหลือยาก ถึงเหล็กฟากรัดไว้ก็ไม่มัน
จะผูกด้วยมนต์เสกลงเลขยันต์ ไม่เหมือนพันผูกไว้ด้วยไมตรี
จากคติสอนใจดังกล่าว ย่อมแสดงให้เห็นว่า การทำให้คนอื่นรักใคร่นั้น แม้จะไม่ใช้เหล็กฟากเส้นโตๆ หรือเสน่ห์มนตรา ก็ไม่อาจผูกใจคนไว้ได้ นอกจากการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อกันเท่านั้น ยิ่งสังคมปัจจุบัน คนมีความซับซ้อน มนุษย์สัมพันธ์ก็มีความจำเป็นมากยิ่งขึ้น
ในการใช้ทักษะชีวิต เพื่อความสุขและความสำเร็จของชีวิตนั้น เทพ สงวนกิตติ (๒๕๔๕ : ๑๐) ได้ให้ความเห็นว่า
ชีวิตที่มีความสุข ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังดีกว่าชีวิตที่ประสบความสำเร็จแต่ไม่มีความสุข และจะดีที่สุด ถ้าชีวิตประสบความสำเร็จและมีความสุข จะเห็นได้ว่า ชีวิตจะประสบความสำเร็จและมีความสุขได้นั้น ต้องรู้จักผู้อื่น การที่จะรู้จักผู้อื่นได้นั้น ต้องมีเทคนิคในการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ ดังคำกล่าวที่ว่า นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อนฝูง ขึ้นสู่ที่สูงไม่ได้


การสร้างความรู้สึกที่ดีเพื่อสร้างมนุษย์สัมพันธ์
วิธีการสร้างความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง เพื่อการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีนั้น ควรถือปฏิบัติดังนี้ .”จรูญ ทองถาวร (๒๕๓๖ : ๘๘) อย่าผัดวันประกันพรุ่ง จงสร้างความรู้ว่า ฉันมีความสุข ฉันมีความสุขกาย สบายใจ ฉันมีความสุขจริงๆ ฉันมีความสุขที่สุด ความสำเร็จครั้งแรก ย่อมนำความสำเร็จครั้งต่อมาให้ มุ่งความคิดให้แนวแน่ ควบคุมตนเอง กำหนดโชคชะตาของตนเอง พร้อมที่จะมีความสำเร็จ เจาะจง แน่วแน่ ความสุขคือ เจตคติที่ดี ปัญญานำมาซึ่งความมั่งคั่ง มุ่งมั่นตามมาดหมายจนได้มา ถ้าทำให้คนอื่นมีความสุข เราก็มีความสุขด้วย จงกล้าตั้งความหวังอันสูงส่ง จงเป็นผู้สร้างสรรค์ตนเอง จงค้นหาขุมทรัพย์ที่แท้จริงในชีวิต ใช้พลังมุ่งมั่นของท่านอย่างเต็มที่ จงเชื่อว่า ท่านทำได้ แล้วท่านจักทำได้ ถ้าท่านต้องการผลสำเร็จ ท่านต้องตั้งใจจริง เตรียมพร้อมสำหรับวันหน้า จงทำสิ่งที่ถูก เพราะว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง” นักจิตตวิทยาเชื่อว่า ความสำเร็จของชีวิตเกิดจากความพยายาม ๙๕% เกิดจากความบังเอิญ หรือพรสวรรค์ ๕ เปอร์เซ็น
จากคำกล่าวข้างต้นแสดงให้เราเห็นว่าเราต้องมีความเชื่อ ความมุ่งมั่น ว่าเราทำได้ ก่อนแล้วเราจึงจะทำได้ เพื่อความสวัสดีแห่งชีวิต ดังบทประพันธ์ของ ว. วชิรเมธี ที่ว่า

- สิ่งที่ควรมี คือ สติปัญญา - สิ่งที่ควรแสวงหาคือ กัลยาณมิตร
- สิ่งที่ควรคิดคือความดีงาม - สิ่งที่ควรพยายามคือการศึกษา
- สิ่งที่ควรเข้าหา คือนักปราชญ์ -สิ่งที่ควรฉลาด คือ การเข้าสังคม
-สิ่งที่ควรนิยม คือความซื่อสัตว์ -สิ่งที่ควรตัดคือ อกุศลมูล
-สิ่งที่ควรเพิ่มพูน คือ บุญกุศล -สิ่งที่ควรอดทนคือการดูหมิ่น
-สิ่งที่ควรได้ยินคือ พุทธธรรม -สิ่งที่ควรจดจำคือ ผู้มีบุญคุณ
-สิ่งที่ควรเทิดทูนคือ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ – สิ่งที่ควรขจัดคือความเห็นแก่ตัว
-สิ่งที่ควรเลิกเมามัวคือ การพนัน – สิ่งที่ควรสร้างสรรค์คือ สัมมาชีพ
-สิ่งที่ควรเร่งรีบ คือการแทนคุณบุพการี -สิ่งที่ควรทำทันทีคือทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ดังนั้น การที่เราจะสร้างมนุษย์สัมพันธ์ ให้เกิดขึ้น เป็นนิสัย สามารถเข้ากับผู้อื่นได้ดี นอกจากจะมีเทคนิคที่ดีแล้ว ต้องรู้จักตนเอง ปรับปรุงตนเอง พัฒนาและฝึกฝนตลอดเวลา โดยการปฏิบัติทำวันนี้ให้ดีที่สุด


ใช้เทคนิคการสื่อสารในการสร้างมนุษย์สัมพันธ์
การติดต่อสื่อสาร เป็นปัจจัยสำคัญในสร้างมนุษย์สัมพันธ์ ฉะนั้นควรมีเทคนิคในการสนทนา ซึ่งเทคนิคการสนทนามี RALR ๔ ประการคือ (หลุย จำปาเทศ อ้างใน จรูญทองถาวร ๒๕๓๖ :๘๘)
๑.RAPPORT = การสร้างให้เกิดความอุ่นใจ
๒.Asking skill = การเสริมทักษะในการถาม
๓.Listening skill = การเสริมทักษะในการฟัง
๔.Restatement = การทวนคำพูด
การสร้างให้เกิดความอบอุ่นใจ ถือว่าเป็นลักษณะหนึ่งของ การแสดงความมีน้ำใจ มีด้วยกัน ๓ ประการ
๑.การสร้างให้เกิดความอบอุ่น กับตัวผู้ฟัง คือ การใช้คำพูด ใช้สายตา หรือกิริยาท่าทาง ในทางบวก การยิ้มแย้ม แจ่มใส ที่แสดงออกมาทั้งสายตา ท่าทาง คำพูด ที่บ่งบอกถึงการมีไมตรีจิต ต่อกัน
๒.การสร้างให้เกิดความอบอุ่นใจกับสิ่งของ คือเป็นการสร้างความสัมพันธ์และความเป็นกันเอง ชมสิ่งของเขา สิ่งดีๆของเขาเป็นต้น
๓.การสร้างให้เกิดความอบอุ่นใจ กับครอบครัว คือการพูดถึงครอบครัวของเขาในทางที่ดี การพูดนั้นทั้งท่าทาง และคำพูดต้องดูจริงใจ ให้เขารู้สึกว่า เรารักใคร่ และเอ็นดูครอบครัวของเขาจริงๆ เช่น ลูกของคุณเรียนเก่งนะ
Asking skill คือการเสริมทักษะในการถาม ถือว่าเป็นการชักชวน ซึ่งมีหลักดังนี้
๑.ถามสิ่งที่เขาเด่น คือ เราต้องดูว่า เขามีความดี จุดเด่นอะไรบ้าง เช่น เรียนเก่ง เล่นฟุตบอลเก่ง เราพยายามถามหรือพูดถึงสิ่งเหล่านี้ ซึ่งจะทำให้เขาภาคภูมิใจและอยากคุยกับเรา
๒.ถามในสิ่งที่เขาชอบ คือ ต้องดูว่าเขาชอบอะไร การชอบนี้เมื่อพบกันใหม่ๆ จะค้นหาไม่ได้ ดังนั้นเราควรถาม เขาทำงานอดิเรกอะไร เพราะงานอดิเรกของเรานั้น ใครทำสิ่งได ก็แสดงว่าชอบสิ่งนั้น เช่นถามว่า ชอบเล่นกีฬาอะไร บางคนชอบเล่นฟุตบอล เราก็พูดถึงเรื่องฟุตบอล เป็นต้น
๓.ถามเกี่ยวกับเรื่องแปลกใหม่ คือ พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นข่าวน่าสนใจ ในปัจจุบัน เช่นทางมหาวิทยาลัยที่กำลังเรียนอยู่ กำลังมีกีฬา ก็พูดเรื่องกีฬา หรือ กำลังเลือกตั้ง ก็พูดเรื่องการเลือกตั้ง
๔.ถามเพื่อให้เขาระบายความทุกข์ พูดเจาะลึกให้เขาได้ระบายความรู้สึกแล้วให้คำแนะนำปรึกษา กรณีใช้เฉพาะคนที่สนิทเท่านั้น สำหรับคนที่ไม่สนิท ยกเว้นเขาพูดเอง ธรรมชาติของมนุษย์หากได้ระบายความทุกข์กับใครที่รับฟัง จะรักคนนั้นมาก


บทสรุป
การสร้างมนุษย์สัมพันธ์เป็นทั้งศาสตร์และศิลปะ ที่ผู้ใช้จะต้องมีความรู้รอบตัวในหลายๆด้าน ทั้งด้านจิตวิทยา วัฒนธรรม ประเพณี และมารยาทในทางสังคม เทคนิคในการสร้างมนุษย์สัมพันธ์นั้นการเข้าใจแต่หลักการโดยไม่ลงมือปฏิบัติ จะไม่เกิดประโยชน์อันไดเลย
ดังนั้นเพื่อให้มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และหน้าที่การงาน ควร ฝึกฝนปรับปรุง พัฒนาตนเอง ในการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ต่อผู้อื่น และเพื่อความเข้าใจในธรรมชาติของผู้อื่นที่จะต้องให้เกิดมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ดังคำกลอนของท่านพุทธทาสภิกขุ ที่ว่า
เขามีส่วนเลวบ้าง ช่างหัวเขา จงเลือกเอาส่วนดีเขามีอยู่
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ของเขาเลย
จะหาคนมีดี โดยส่วนเดียว อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเอย ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง
การสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีนั้นเราจะต้องลงมือปฏิบัติ เพื่อให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต ชีวิตจึงจะประสบความสำเร็จและมีความสุข ดังคำกล่าวที่ว่า
ชีวิตที่มีความสุข ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังดีกว่าชีวิตที่ประสบความสำเร็จแต่ไม่มีความสุข และจะดีที่สุดถ้าชีวิตทั้งประสบความสำเร็จและมีความสุข ซึ่งจะต้องรู้จักการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ กับบุคลอื่นอย่างดียิ่ง ด้วยการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นการถาม การฟัง การพูด ต้องทำอย่างมีสติ เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีและเพื่อเป็นการแสวงหา กัลยาณมิตรต่อไป

***********************
เรียบเรียงโดย
พุทธินันท์ เสริมสุขพันธุ์

ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลอันมีประโยชน์อีกครั้งนะคะ....ฝากบทความดีนี้ไปยังเพื่อนทุกคนด้วยนะคะ

2 comments:

Anonymous said...

Saved as a favorite, I love your web site!

Feel free to visit my homepage; ssmethai.org

Anonymous said...

Hello there! This is my 1st comment here so
I just wanted to give a quick shout out and tell you I genuinely enjoy reading your blog posts.

Can you suggest any other blogs/websites/forums that go over the same topics?

Thank you so much!

My blog Remote control

My Friends' Blogs

India and I

  • There are alots of things which waiting for us to discover. All knowledge is not around us,but inside. It is depended upon our ability to realise and pick it up. The apple falls from the tree,and if Newton failed to learn from it,then the law of gravitation would have not been discovered!!!
  • India is the country of contrast. You often see someting beyound your expectation.Yet,and I found that there is a tool similar to Hmong's ones expecially the stick used for balancing the two baskets for carrying water. I observed that their's one is like ours only. In Hmong language we can read it phonetically as " / dΛ ŋ/ ". This attracts me to look forward for the connection.
  • India has also have a interesting story "Why corps in the filed do not come home themselves like in the past?" I have heard this story when I was a child. Thus when I came across this Indian legend ,it reminds me of the Hmong version. If you are interested you can check it out form my page in Thai text,otherwise you can surf it. This story creates another couriosity in me. I want to find out if we had been to India before we reached in China. Because the ICE AGE or the Peleolithic Age or The Earliest traces of human existance was in India.
  • India is where we Hmongs think that there are also Hmongs live in. But I have experienced that there is not Hmong Indian. Yet,there is a gruop of people who call themselves as "Mizo"(with the similarity of the Hmong's names given by the Han, i.e. Miao zu,Meo or even Mizo ) .But as far as I have learnt form my Mizo friends in college,our language is competely different to one another.Moreover, our dress also is different. However there are many Hmong researchers suggested me that there are Hmongs living in India,and yes, there are Hmongs living here, but only living for studying.
  • I was in debt to India. She educates,guides and teaches me how to be a great survior.
  • เป็นกำลังใจให้ทุกคนๆเดินออกมาพร้อมความสำเร็จนะ
  • ใครเรียนอยู่อินเดียบ้าง..ขอมือหน่อย