Monday, June 29, 2009

เพื่อนที่อินเดียเขาคิดไงกับเรา


ความเป็นม้งมาอยู่กับฉันที่นี่ได้สามปีเต็มๆ แต่เพื่อนๆคนอินเดียส่วนใหญ่คิดไปเองว่าฉันมาจากรัฐมานีปูร์(Manipur)อัสสาม และมีโซราม(Mizoram) หรือไปไม่ก็จะเป็นคนเนปาลี(เนปาล)สามปีที่นี่รู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจที่อยู่ที่นี่ แต่สงสัยพฤติกรรมหรือบุคลิกของเราแปลกจากคนเหล่านั้นหรือเปล่า ทำไมเราไปไหนๆ ก็จะมีแต่คนขึ้นค่าแท็กซี่ ขึ้นราคาของ และขอแต่เหรียญต่างชาติสะสม แถมขอเงินดอลล่าร์เป็นที่ระลึก(ไม่มีสักกะดอล)แต่กับคนไทยแล้ว เขาก็คิดว่าเราเป็นคนไทย จนกระทั่งเราแต่งตัวไปร่วมงานวันสำคัญของสถานกงสุลที่เมืองกัลกาต้าครั้งหนึ่ง มีคุณป้าท่านหนึ่งทักว่า "นี่ เด็กแม้วเพิ่งลงดอยมาเหรอ" ฉันตอบพร้อมๆกับรอยยิ้มว่า"ใช่ เด็กแม้ว!!...แต่ลงจากดอยมานานแล้ว"

เคยแต่งตัวในชุดม้งไปงานเลี้ยงส่งรุ่นของวิทยาลัยครั้งหนึ่ง เป็นที่แปลกตาและแปลกใขสำหรับผู้มาร่วมงาน แต่ละคนล้วนแต่มีคำถามให้ฉันตอบ พวกเขารู้เพียงว่าฉันเป็นคนไทย แต่ไม่รู้ว่าเชื้อสายอะไร วันนั้นทุกคนเลยเข้าใจผิดว่า นั่นคือชุดไทย...แต่แล้ว เมื่อฉันและเพื่อนรุ่นน้องสองคนช่วยกันให้ข้อมูลที่ถูกต้อง...พวกเราเลยรอดมาได้ เลยกลายเป็นทูตวัฒนธรรมไปโดยปริยาย

หลายๆครั้งที่เพื่อนได้ยินฉันสนทนากับคนที่บ้าน และเพื่อนๆม้งที่นี่ พวกเขาให้ความเห็นว่า"ภาษาคล้ายๆภาษาจีนเลย" ฉันก็เลยสนับสนุนทษฏีนี้ใหญ่เลยว่า"ใช่ๆ ก็มีนะบางคำเหมือนกันเลย เช่นคำว่า มะละกอ,เตาสามขา,กษิตริย์ แล้วก็...เออ..จำไม่ได้แล้ว" ไม่รู้เราไปเอาของเขามา หรือว่าเขาเอาของเรามากันแน่...แต่ฉันวัดความรู้สึกเพื่อนแล้ว เพื่อนก็ยังเข้าใจว่า เราม้งยังไม่ใช่ชาวเรา ยังคงเป็นชาวเขา

ไม่นานมานี้ ขณะที่ฉันกำลังปักผ้าอยู่ มีเพื่อนๆสองคนมาอยู่กับฉัน เพื่อนคนไทยเชื้อสายจีนคนหนึ่งถามว่า"เรนแล้วที่บ้านเนี่ย มีหัวหน้าเผ่าอ่ะป่ะ?" ขณะนั้นหน้าฉันงง จนเหมือนเครื่องหมายคำถามว่า" เธอ..ไปอยู่ไหนมาเนี่ย? พวกเราไม่ใช่เป็นเผ่าๆที่มีหัวหน้าเผ่าอย่างพวกลูซูในหนังสืออ่านนอกเวลาที่เราเรียนมาในเรื่อง"ฟ้าลั่น"นะ" ดูเหมือนเพื่อนคนนี้จะรับรู้คำตอบจากสีหน้าฉัน แล้วแกก็เลยเล่นเกมขายของใน Facebook ต่อ

สักพักฉันก็เลยบอกไปว่า"พวกเราน่ะจีนดั้งเดิม ส่วนพวกเธอน่ะจีนสมัยนี้อ่ะ เข้าใจป่าว?"
ฉันบอกอย่างนั้นไป โดยไม่รู้ว่าเขาได้รับรู้สิ่งที่ฉันเอ่ยไปหรือเปล่า หรือถ้าเขาได้ยิน เขาจะยอมรับในสิ่งที่ฉันพูดออกไปหรือเปล่า
...ฉันเองก็ยังไม่่ได้มั่นใจกับคำตอบของตัวเองเลย

วันนั้นไปเยี่ยมพี่ชายที่อยู่อีกอำเภอหนึ่ง อาหารเที่ยงพี่เขามีไก่บ้านสองตัว จะทำเป็นอาหารเลี้ยงฉัน ตั้งหม้อใส่น้ำ สับไก่เทลงหม้อ ทุบพริกไทย(พริกอินเดีย)ใส่ แล้วลิ้นของแต่ละคนก็รับรสออกมาว่า "อร่อย ชื่นใจจังเลย อากหารไทยหรือลาวหรอ?" เพราะพี่ม้งคนนั้นมาจากประเทศลาว ฉันมาจากไทย เราช่วยกันทำ...ฉันและพี่ม้งก็มองตากัน ในฐานะที่ฉันต้ม ฉันก็เลยตอบไปว่า"อาหารม้ง!!" พวกเขางงเป็นไก่ตาแตก

ฉันเลยไม่แน่ใจว่าตลอดระยะเวลาที่พี่ม้งคนนั้นอยู่ที่นั่น ไม่รู้ว่าเพื่อนเวียดนาม พม่า ภูฐาน และบรูไนรู้หรือเปล่าว่า"เขาคือม้ง"
น่าจะรู้อยู่นะ...เพราะมีเพลงม้งเพราะๆดังเป็นระยะๆจากห้องพักของพี่ม้งคนนั้น

Thursday, June 18, 2009

ชีวิตติดห่วง




งุนงงกับชีวิตตัวเองเหมือนกัน
อยู่ๆก็เจอสิ่งดีๆ
อยู่ๆสิ่งไม่ดีก็เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน

หากมองอย่างไม่คิดอะไรเลย ก็คงจะคิดว่าตัวเองเป็นคนโชคไม่ไดีหากเจอสิ่งไม่ดี
ตัวเองเป็นคนโชชคดีหากเจอเรื่องที่ดี



แต่อย่างไรก็ตามทั้งสิ่งดีและไม่ดี มีจุดจบสิ้นของมันเสมอ
เมื่อมันถึงจุดที่ดีที่สุด ความสุขก็จะค่อยๆถอยลง
เมื่อเราเจอสิ่งที่ไม่ดีมากที่สุดมาแล้ว ก็คงจะคลายๆลงบ้างหลังจากนั้น

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องของการเกี่ยวโยงของมนุษย์และธรรมชาติ
เพราะธรรมชาติกำหนดชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การเดินทางเลยต่างกัน

ฉันเชื่ออย่างยิ่งว่า การพบเจอผู้คนแต่ละคนในแต่ละแห่งเป็นเรื่องของห่วงโซ่ชีวิตที่ถูกผูกกัน....
นับวันหากแก้ห่วงโซ่นี้เรีบยร้อย ธรรมชาติของแต่ละคนก็จะตามแก้ห่วงอื่นๆอีกต่อไป...
เราทุกคนเพียงทำการอย่างนี้ไปวันๆ แค่นั้นเอง...หากเป็นเด็กก็คงเป็นการแก้ห่วงที่เกี่ยวกับเพื่อนๆของตัวเองเป็นส่วนใหญ่
หากเป็นหนุ่มสาวก็ตามแก้ห่วงของการค้นหาใครสักคนหนึ่ง...
ผู้ใหญ่ก็คงอยู่ในเรื่องของผู้ร่วมงาน และร่วมชีวิต....

สัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสไปเยือนสถานที่แห่งอนุสรณ์แห่งความรักที่ไม่สมหวัง ทาชมาฮาล ยิ่งสะเทือนใจตัวเองว่าวันนี้เราเป็นอย่างนี้จริงๆด้วย ถึงมาถึงสถานที่ที่เป็นอย่างนี้ สถานที่อาจจะสวยงานมากจนชวนให้เราคิดหวนคำนึงถึงใครบางคนที่น่าจะมารู้ มาเห็นกับเรา อยากจะบอกว่า...แม้เราจะไม่มีคนรักเหมือนคนอื่น แต่เราก็ยังมีความรักให้ใครต่อใคร การมาเห็นบางสิ่งบางอย่างที่แสดงถึงความรักที่ยิ่งใหญ่มากอย่างทาชมาฮาล มันชวนให้เราคิดถึงอนุภาพแห่งความรักที่ไม่สิ้นสุด...มองย้อนดูตัวเองกับความรัก แล้วเจอเพียงความรักที่ยิ่งใหญ่ของพ่อแม่และพี่น้องเท่านั้นที่สัมผัสได้ด้วยความจริงใจ ฉันเลยเพียงกดสายไปที่บ้าน แล้วบอกทุกคนๆว่าวันนี้ฉันมาทาชมาฮาลคนเดียว แต่จะพาความรักกลับไปให้ทุกคน...ห่วงโซ่รัก เป็นพลังงานพื้นฐานในการขับเคลื่อนชีวิตของฉัน

ตอนนี้เราเป็นสิ่งมีชีวิต มีลมหายใจเป็นสมบัติอันล้ำค่าของชีวิตแล้ว เราคงไม่ต้องรอแต่จะแก้ห่วงเท่านั้น แต่เราคงต้องเตรียมตัวรอรับห่วงต่อไป นั่นคือ การยอมรับห่วงลมหายใจที่รู้ทั้งรู้ว่ามันจะต้องหายไปสักวัน.....ช่วงเวลาที่เหลือน้อยนิด ไม่รู้กี่นาที กี่วัน กี่เดือน และกี่ปี แต่วันนี้และพรุ่งนี้ฉันจะใช้งานชีวิตให้คุ้มค่าขึ้นนะคะ...เราเกิดมาเพื่อเป็นนายของชีวิตเรานิ ...ใช่ม่า?...เราไม่เป็นนายให้เรา แล้วใครจะมาเป็นเจ้าของของเรา....สู้และเดินทางต่อไปอย่างมีความสุข...เส้น ทางที่เดินขรุขระ แต่เดิน ค่อยๆเดินทีละก้าว ก้าวละนิด สักวันหนึ่งคุณจะเป็นผู้ที่ทำความฝันสำเร็จเอง....วันนี้กลับมาแล้ว กลับมารับกำลังใจจากฟากฟ้า กำลังใจจากสายฝนอีกครั้งเหมือนครั้งก่อน....

...มีความสุขสวัสดิ์นะคะทุกๆคน...รักษาเนื้อรักษาตัวเป็นคนมีสุขภาพจิตสุขภาพกายที่ดีต่อไปนะ

ด้วยมิตรภาพ

Monday, June 8, 2009

ความเป็นม้งจะคุ้มครองฉันไหม

วันนี้เพื่อนม้งฉันชี้แจงบางอย่างที่ฉันไม่คาดคิด
วันนี้ถูกเพื่อนม้งคนหนึ่งชวนให้ไปเที่ยว...ถ้าไปผิดคำสัญญา
วันนี้เด็กม้งนี้เพิ่งรู้คำตอบของเมื่อสองเดือนที่แล้ว

วันนี้คงจะดำเนินไปด้วยดีเหมือนเมื่อวาน ถ้าฉันไม่รับรู้เรื่องราวข้างบนนี้
พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร...ถ้าฉันต้องตื่น ต้องคิด ต้องพูด และต้องไป

วันนี้เตือนใจฉันว่า "แม้เขาจะเป็นม้ง เราจะเป็นม้ง แต่เราก็ยังมีจิตใจที่ไม่ต่างไปจากคนทั่วๆไป" มีคิดดีและไม่ดีธรรมดา...คิดดีก็จะได้ความดีเป็นเพื่อน คิดไม่ดีก็จะได้ความชั่วร้ายเป็นศัครู....ที่ผ่านมาเลือดเนื้อของม้ง จิตวิญาณของความเป็นม้งถูกมัดตีตราหน้าคนม้งแต่ละคนที่ฉันพบเห็นไว้ก่อนเลยว่าเป็นคนดี...วันนี้ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่...ว่า.."ความเป็นม้งด้วยกันไม่ได้คุ้มครองฉันและเธอเสมอไป" ฉะนั้นอย่าวางใจคนง่ายนักล่ะ

เบียด-เผื่อแผ่--->เกิดพร้อมกัน


มีขบวนรถไฟสองขบวนในแต่ละชั่วโมง ขบวนหนึ่งเป็นขบวนไป และอีกขบวนหนึ่งเป็นขบวนมา ทั้งสองขบวนนี้มีฉันเป็นผู้โดยสารคนหนึ่งในหลายพันคน ที่นั่งมีให้พอนั่งได้สามคนและอีกครึ่งก้น ระหว่างที่นั่งมีที่ยืนให้อีกคนจำนวนสามคนเบียดกัน ช่องผ่านไปมามีคนนับไม่ถ้วนยืนกีดขวางเส้นทางการค้าขายของพ่อค้าขายของกินบนรถไฟ

เส้นทางค่อนข้างยาวไกล...จนฉันได้นั่งสลับกัยได้ยืนเหมือนคนอินเดียทั่วไป หมายความว่า ตอนแรกขึ้นไปไม่มีที่นั่ง แต่พอสักพักคนตรงหน้าเราปวดเมื่อย ก็ให้เรานั่งจองที่ให้แกต่อ พอแกให้เมื่อย เราก็หายอยากนั่ง...เลยสลับๆกันอย่างนี้จนถึงปลายทาง

หนังสือพิมพ์ก็เช่นกัน เจ้าของอ่านเสร็จ..อีกคนหนึ่งต่อ แล้วก็ต่อเรื่อยๆ จนหนังสือพิมพ์บางเล่มหล่นอยู่บนพื้นเป็นขยะไปโดยปริยาย

การเดินทางครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่อยู่บนรถไฟในพื้นที่(local train)แต่เป็นครั้งแรกที่เดินทางคนเดียวไปอ.โกลยานิ(Kalyani District) ที่ที่พี่ชายม้งแซ่ย่างคนหนึ่ง และพี่น้องจากประเทศในโซนเอเชียกำลังศึกษาอยู่

Tuesday, June 2, 2009

ไม่ใช่ไม่เข้าใจ แต่ไม่รู้

วันนี้ทั้งไปเที่ยวมาและไปเที่ยวไป....หลงทางแล้วหลงทางอีก
เรามันคนในพื้นที่ แต่จะรู้ไปเสียทุกซอกทุกมุมก็เป็นไปไม่ได้
จะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาเนี่ย? ผู้ใหญ่ท่าผู้ดีหลายๆคนต้องมาพึงไอ้เด็กตัวเล็กตัวน้อยนี่หรือ?
แล้วจะรอดไหมเนี่ยเรา?? ร้านอาหารไก่ปิ้งอร่อยๆที่ตลาดใหม่นี้ไม่ได้มีร้านเดียว "ห้องแอร์สองห้อง ไก่ปิงอร่อยๆอยู่ตรงหัวมุม" ข้อมูลแค่นี้ฉันจะไปหาได้ที่ไหนเนี่ย? เข้าซอยนั้นออกซอยนี้จนพวกเค้าหิว...เลยแวะเข้าร้านอาหารติดแอร์ มีอาหารเหมือนร้านที่ฝันไว้ แต่ยังคงมีสีหน้าร้อนๆใจอยู่ ทำให้ฉันลำบากใจมากที่สุดเลย

การทำงานร่วมกับคนอื่นๆในฐานะผู้นำทางมันอึดอัดสักแค่ไหน ก็เพิ่งรู้้ว่าการที่จะสั่งการผู้ใหญ่มันก็ยาก จะทำเองไปเลยมันก็ยังไงๆอยู่ เรียนรู้วันนี้เลยว่า หากต้องทำงานนำเที่ยวผู้ใหญ่และเด็กเที่ยว ขอลาพักงานนี้ไปตลอดชีวิตดีกว่า

เที่ยวกับเพื่อน พาเพื่อนเที่ยวมันมีรสชาติที่คล้ายคลึงกัน เพราะวัยไม่ต่าง จะกินอะไรก็กินง่าย ไม่บ่น และไม่ยุ่งยาก
แต่กับเด็กและผู้ใหญ่ ฉันไม่ไหวเลยอ่ะ คนนี้ทานอันโน้นไม่ได้ คนนี้จะทานอันโน้น วุ่นวายตีกันเป็นห่วงโซ่หลายห่วงเลย
ทำให้ฉันคิดว่าเข้าร้านอาหารผิด อากาศร้อนๆเข้ามาอีกยิ่งทำให้ฉันคิดว่าฉันวางแผนการเดินทางเที่ยวผิดอีก ยิ่งคนแต่ละคนค่อนข้างรู้จักเลือกของนัก นี่ก็ไม่เอา โน้นก็ไม่เอา แพงเกิน(ปกติทั้งตลาดราคาก็อย่างนั้น) จะเอาของดีราคาถูก ยิ่งทำให้ฉันต้องช่วยต่อรองราคาจนน่าอายหมด(ผ้าอย่างนั้นอยู่มาสามปีแล้ว ก็ราคานั้นแหละ จะต่อยังไงราคาคงไม่ลงหรอก!) แต่พวกเขาก็ไม่ได้ซื้ออะไร จึงเป็นเครื่องหมายยืนยันให้ฉันรู้สึกว่าวันนี้ "ฉันบกพร่องหน้าที่ของตัวเองอย่างมาก" ไม่น่าเลยเจ้ากุ๊ก เจ้าน่าจะอยู่รับงานนี้!

My Friends' Blogs

India and I

  • There are alots of things which waiting for us to discover. All knowledge is not around us,but inside. It is depended upon our ability to realise and pick it up. The apple falls from the tree,and if Newton failed to learn from it,then the law of gravitation would have not been discovered!!!
  • India is the country of contrast. You often see someting beyound your expectation.Yet,and I found that there is a tool similar to Hmong's ones expecially the stick used for balancing the two baskets for carrying water. I observed that their's one is like ours only. In Hmong language we can read it phonetically as " / dΛ ŋ/ ". This attracts me to look forward for the connection.
  • India has also have a interesting story "Why corps in the filed do not come home themselves like in the past?" I have heard this story when I was a child. Thus when I came across this Indian legend ,it reminds me of the Hmong version. If you are interested you can check it out form my page in Thai text,otherwise you can surf it. This story creates another couriosity in me. I want to find out if we had been to India before we reached in China. Because the ICE AGE or the Peleolithic Age or The Earliest traces of human existance was in India.
  • India is where we Hmongs think that there are also Hmongs live in. But I have experienced that there is not Hmong Indian. Yet,there is a gruop of people who call themselves as "Mizo"(with the similarity of the Hmong's names given by the Han, i.e. Miao zu,Meo or even Mizo ) .But as far as I have learnt form my Mizo friends in college,our language is competely different to one another.Moreover, our dress also is different. However there are many Hmong researchers suggested me that there are Hmongs living in India,and yes, there are Hmongs living here, but only living for studying.
  • I was in debt to India. She educates,guides and teaches me how to be a great survior.
  • เป็นกำลังใจให้ทุกคนๆเดินออกมาพร้อมความสำเร็จนะ
  • ใครเรียนอยู่อินเดียบ้าง..ขอมือหน่อย