Monday, November 24, 2008

ทำไมผู้หญิงถึงไม่เหมาะสมที่จะปกครอบครองโลก


คุณลุงท่านหนึ่งในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงรายอธิบายว่า"ทำไมผู้ชายถึงสมควรที่จะเป็นผู้ปก
ครองโลก ทำไมไม่ควรเป็น่ผู้หญิง"ด้วยการนำเรื่องเล่าของม้งมาตอบคำถามของฝรั่งคนหนึ่ง

ท่านเริ่มเล่าว่า....

ครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเมหสีม้งมีสามีทั้งหมดเจ็ดคน ขณะเดียวกันมีกษัตริย์ม้งองค์หนึ่งที่มีพระเมหสีเจ็ดคนเช่นกัน
ทั้งสองกลุ่มนีมีความยากลำบากมากที่จะตัดสินว่าใครระหว่างผู้เป็นสามีหรือภรรยาที่ควรจะ
ปกครองโลกนี้ ในขณะนั้นไม่มีผู้ใดที่จะช่วยตัดสินความขัดแย้งนี้ได้ เหตุนี้เืรื่องจึงได้นำไปสู่เหย่อเซ๊า ฝ่ายภรรยาที่มีสามีเจ็ดคน และฝ่ายสามีที่มีภรรยาเจ็ดคนจึงตัดสินใจไปหาเหย่อเซ้า และต้องการให้ท่านเป็นผู้ตัดสินว่าใครควรเป็นผู้ปกครองโลก

เหย่อเซาเมื่อได้ยินเรื่องดังกล่าวก็เอ่ยไปให้ทั้งสองว่า" ท่านแต่ละคนจะได้รับบททดสอบคนละหนึ่งข้อ เมื่อไรก็ตามที่ท่านทำเสร็จเท่านั้น เมื่อนั้นข้าถึงจะให้คำตัดสินกับเจ้าทั้งสองได้"
จากนั้นท่านกล่าวต่ออีกนิดว่า" กษัตริย์เอ่ย..เจ้าจงกลับมาหาข้าพรุ่งนี้, ส่วนเจ้าผู้เป็นหญิงจงกลับมาหาข้าสองสามวันหลังละกัน"

วันรุ่งขึ้น กษัตริย์องค์นั้นจึงได้ไปหาเหย่อเซา" นี่คือบททดสอบของท่าน ข้าต้องการให้เจ้ากลับไปหาภรรยาของท่าน แล้วตัดหัวของพวกเขา แล้วนำมาให้ข้า" เหย่อเซาพูดอย่างนั้นให้กับกษตริย์ืองค์นี้
ทันทีที่ได้ฟังอย่างนั้น กษัตริย์องค์นี้ก็ไม่ลังเลใจที่จะอยู่ต่อ ตนรีบกลับไปยังพระราชวังของตน
เมื่อถึงบ้านแล้ว กษัตริย์ผู้นี้เห็นภรรยาแต่ละคนของตนกำลังตั้งหน้าตั้งตาให้นมลูกอย่างพร้องเพรียงกันด้วยความรัก เขาคิดถึงบททดสอบของเหย่อเซาว่าเขาได้รับมอบหมายให้ทำอะไร แต่ขณะนั้นเขารู้ว่าเขาไม่สามารถทำตามในสิ่งที่เขาได้รับการสั่งมา และแล้วเขาก็รีบไปหาเหย่อเซา และเรียนให้ท่านทราบว่า" เซ๊า..ข้าพเจ้าไม่สามรถทำตามคำที่ท่านได้บอก ภรรยาของข้าพเจ้ากำลังให้นมลูกๆอยู่กัน หากข้าฆ่าพวกเขา ลูกของข้าคงจะไม่มีนมกิน และพวกเขาก็จะตาย" เหย่อเซ๊าก้มหัวลงนิดๆ แล้วบอกให้กษัตริย์องค์นี้กลับมาหาตนสองสมาวันหลัง

สองวันต่อมา พระมเหสีมาหา่เหย่อเซ๊า " นี่ืคือบททดสอบของท่านนะ ข้าต้้องการให้เจ้ากลับไปหาสามีของท่าน แล้วตัดหัวสามีทั้งหมดของท่านมาให้ข้า" เหย่อเซ๊าพูดอย่างนั้นให้มเหสีคนนั้น

และแล้วมเหสีองค์นี้ก็ไปหาเหย่อเซ๊าพร้อมกับหัวทั้งเจ็ดของสามีตนเองไปให้เหย่อเซ๊าโดยไม่รีรอ

และแล้วก็เรียเขาทั้งสองผู้นี้กลับมารับฟังคำตัดสิน เหย่อเซาพูดให้เขาทั้งสองว่า" กษัตริย์นี่แหละคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดจะปกครองโลกนี้ เพราะเขารู้ถึงคุณค่าของการมีชีวิต"

ด้วยเหตุนี้เอง ไม่ว่าจะเป็นการปกครองในด้านใดก็ตาม ผู้ชายจึงได้ถูกยอมรับว่าเป็นผู้ที่มีอำนาจมากกว่าผู้หญิง จึงถือเป็นหน้าที่หลักของผู้ชายที่จะต้องดูแลและปกครองโลกนี้มากว่าจะให้ผู้หญิงปกครอง

ข้าพเจ้าได้อ่านมาจากหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับม้ง ของ Particia V Symonds ผู้ทำการศึกษาเกี่ยวกับม้งในฟาวเวอร์ วิลเลจ ( Flower Village) ไม่ทราบว่าชื่อในภาษาม้งหรือไทย
เป็นชื่ออะไร ได้พยายามแปลให้ใกล้เคียงที่สุดแล้ว...หากใครยังไม่เข้าใจก็อย่าลืมให้คอมเมต์มา

อ่านดูแล้ว.....ท่านได้รับสิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับด้านล่านี้ไหม
๑.ผู้ชายมีการตัดสินใจที่ครอบคลุมและรอบครอบมากว่าผู้หญิง ฉะนั้นชายจึงมักจะเป็นผู้นำกัน (อาจมีหญิงบ้างแต่น้อยมากๆ)
๒.ผู้หญิงเป็นคนที่มุ่งมั่นมาก ทำตามทุกอย่างที่ได้รับการสั่งการมา นั่นคือธรรมชาติของผู้หญิง ...ได้รับสั่งให้ฆ่าสามีตนเอง ก็ฆ่าจริงๆด้วยเลย นั่นคือ เพราะผู้หญิงมีผลต่อการดำเนินชีวิตของคนด้วย หากกษัตริย์องค์นี้ฆ่าภรรยาของตน ก็เท่ากับฆ่าลูกของตนเช่นกัน

ฉะนั้นในเรื่องนี้แม้จะเป็นเรื่องที่ชี้แจงเหตุผลที่ดูแล้วอาจจะเหมือนเป็นการชี้ข้อบกพร่องของผู้หญิง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการเชิดชูในความสำคัญของผู้หญิงอีกด้วย ทั้งชายและหญิงขาดกันไม่ได้อยู่แล้ว


เรนไร ๒๔ พศจิกายน ๒๒๕๑


1 comment:

hmong21 said...

ไม่รู้น่ะเเต่เราว่าชายเเละหญิงครองโลกด้วยกัน

รอดูอยู่ว่าบล็อกไปถึงใหนเเล้ว วันนี้ก็ได้มาเห็นเเล้ว
มีน้องสาวคนเก่งเพิ่มมาอีกคนเเล้วละ

วันนี้ทีจริงกลับไทยเมื่อเช้านี้เเล้ว เเต่มีปํญหาที่สุวรรณภูมิเลยกลับไม่ได้เลย

คิดถึงบ้าน

My Friends' Blogs

India and I

  • There are alots of things which waiting for us to discover. All knowledge is not around us,but inside. It is depended upon our ability to realise and pick it up. The apple falls from the tree,and if Newton failed to learn from it,then the law of gravitation would have not been discovered!!!
  • India is the country of contrast. You often see someting beyound your expectation.Yet,and I found that there is a tool similar to Hmong's ones expecially the stick used for balancing the two baskets for carrying water. I observed that their's one is like ours only. In Hmong language we can read it phonetically as " / dΛ ŋ/ ". This attracts me to look forward for the connection.
  • India has also have a interesting story "Why corps in the filed do not come home themselves like in the past?" I have heard this story when I was a child. Thus when I came across this Indian legend ,it reminds me of the Hmong version. If you are interested you can check it out form my page in Thai text,otherwise you can surf it. This story creates another couriosity in me. I want to find out if we had been to India before we reached in China. Because the ICE AGE or the Peleolithic Age or The Earliest traces of human existance was in India.
  • India is where we Hmongs think that there are also Hmongs live in. But I have experienced that there is not Hmong Indian. Yet,there is a gruop of people who call themselves as "Mizo"(with the similarity of the Hmong's names given by the Han, i.e. Miao zu,Meo or even Mizo ) .But as far as I have learnt form my Mizo friends in college,our language is competely different to one another.Moreover, our dress also is different. However there are many Hmong researchers suggested me that there are Hmongs living in India,and yes, there are Hmongs living here, but only living for studying.
  • I was in debt to India. She educates,guides and teaches me how to be a great survior.
  • เป็นกำลังใจให้ทุกคนๆเดินออกมาพร้อมความสำเร็จนะ
  • ใครเรียนอยู่อินเดียบ้าง..ขอมือหน่อย