Friday, January 9, 2009

วันเด็ก


วันเด็กของไทยเราตรงกับสัปดาห์ที่สองของวันเสาร์เดือนมกราคม เรานี้ก็ลืมไปนานแล้วสำหรับวันเด็ก จนวันหนึ่งพี่ชายคนหนึ่งแวะมาถามว่า เค้าควรไปไหนในวัน

เด็ก เราเองก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะไปไหน เลยบอกว่างั้นก็ไม่ต้องไปไหนเลย พอถูกกระตุ้นให้จำได้ว่าเป็นวันเด็ก เราจึงนึกอยากจะบันทึกบางอย่างไว้ในวันนี้
วันเด็กเมื่อสิบปีก่อน เป็นวันของเราจริงๆ แต่วันเด็กปีนี้ก็คงไม่ต่างจากสิบปีที่ผ่านมาคือ ไม่ใช่อีกวันหนึ่งเหมือนวันปีใหม่ที่ไม่ใช่วันของฉันอีกแล้ว เราผ่านมา

แล้วในช่วงอายุของความน่ารักและความโปร่งใสของแววตา เด็กไม่ว่าจะทำอะไร ความน่ารักก็ยังมีให้เราแอบอมยิ้มอยู่ แต่ผู้ใหญ่ละซิ ความไร้เดียงสา การไม่

โกหกได้สูญหายไปกับการเจริญติบโต นี่แหละเน้อทำให้ฉันคิดเสมอว่าว่า ธรรมชาติของคนเราจริงๆแล้วดี แต่ด้วยสิ่งแวดล้อมภายนอกนั่นเองทำให้ธรรมชาติที่

ดีของคนเราเปลี่ยนแปลงไปตามสังคมภายนอก....แต่ลองคิดดูนะ หากเด็กคนหนึ่งไม่ได้เติบโตในสังคมเลย เขาก็คงไม่สามารถที่จะพัฒนาตัวเองในด้านต่างๆ

อย่างแน่นอน สองความคิดไม่ตรงกันนี้ ทำให้ฉันสงสัยเหมือนกันว่า...ธรรมชาติจริงๆของมนุษย์เรานั้นดีหรือไม่

ยังจำได้เสมอว่า วันที่๑๔พฤศจิกายน ที่ผ่านนี้เองเป็นวันเด็กของเด็กอินเดีย คุณครูเราเอาลูกอมมาแจกให้พวกเราเด็กโตคนละเม็ด ฉันยังคงเก็บูกอมนี้

ไว้นะ เก็บไว้ว่าให้ระลึกว่า ในสายตาของผู้ใหญ่ เรายังคงเป็นเด็กคนหนึ่งที่ผู้ใหญ่เค้ายังฝากความหวังเล็กๆน้อยๆอยู่ ลูกอมนี้จะเป็นกำลังใจให้ฉันได้มุ่งต่อไปนะ

วันเด็กวันนี้อาจจะมีเป็นวันเกิดของหลานเราก็ได้ คุณหมอนัดวันที่สิบ น้องชายและน้องสาวที่รักของฉันพวกเขาก็คงไม่ใช่เด็กน้อยผู้น่ารักที่ฉันไม่อยากให้พวก

เค้าเติบโตแล้ว พวกเค้าก็คงคิดไม่ต่างจากฉันนะในวันเด็กนี้ พวกเค้าอย่างน้อยก็คงจะคิดถึงชีวิตวัยเด็กของพวกเราที่ไล่ตกปลา จับปลาจากห้วยไปห้วย เก็บ

โน้นเก็บนี่ที่ขวางทางกลับบ้าน เล่นโน้นเล่นนี่จนตกต้นไม้ รับบาดเจ็บ เป็นรอยแผลเป็นจนถึงทุกวันนี้ แผลเป็นเหล่านี้คงย้ำเตือนความทรงจำของพี่น้องอย่างเรา

ได้เป็นอย่างดี ชีวิตวัยเด็กของฉันไม่ได้ลุกคลีกับคนเพื่อนคนอื่นๆเลย ฉันแทบจะไม่มีเพื่อนบ้านเป็นเพื่อน เพราะญาติพี่น้องฉันหลายคน พวกเราก็เล่นกับพวก

เรากันเอง มีเด็กข้างบ้านที่ชอบมาแอบดูเราเล่นกัน และต่อมาเราก็ยอมรับเขาเป็นเพื่อน จนถึงวันนี้พวกเค้ากลับไปมีครอบรัวกันหมดแล้ว แต่ละคนมีลูกน้อย

กันคนสองคนพร้อมที่จะพาไปเที่ยวเล่นในวันเด็กวันนี้เมือ่สว่างแล้วมั้ง

ตอนแรกว่าไปว่าวันนี้ไม่ใช่วันของเรานะ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว วันนี้แหละคือวันของเรา และวันของเราจริงๆ เราว่าได้มี sense อะไรบางอย่างนะ

ไม่งั้นอยู่ๆวันนี้เราจะไปสัญญากับน้องๆเค้าทำไมล่ะว่าจะทำกับข้าวให้พวกเราเด็กๆที่อยู่ที่นี่ทานกันตอนเที่ยง เพิ่งจะมาอ้อก็ตอนที่รู้ว่าเป็นวันเด็กนี่เอง

วันเด็กนี้เป็นวันของทุกคน ขอให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่มีความสุขกันในวันเด็กนี้นะ ผู้ใหญ่สุข เด็กอย่างเราถึงจะสุขตามด้วย

เมืองไทยจะสว่างแล้ว ตีสี่ตรึ่งแล้ว เราต้องไปพักก่อนนะ วันนี้ยังไม่ได้พักเลย...ขอบคุณวันและคืนที่แบ่งเวลาพักผ่อนให้คนเรา

3 comments:

Anonymous said...

สุขสันต์วันเด็กนะจ้าเด็กน้อยผู้น่ารักของฉัน
ขอให้เจ้าจงมีความสุขนะจ๊ะ
แล้วอยากลืมให้ความสุขกับบคนรอบข้างด้วย
ถึงบ้านจังเลย
พ่อเปลี่ยนเบอร์ สัญญาณรับได้ดีมากๆ ทั้งที่บ้าน ที่สวน เราทีแรกคิดว่าคิดว่าใคร ..สรุปคือ รู้ว่าวันนี้น้องทำส้มตำสามารสที่สวน
จะได้กลับแล้ว...เด่วมาจอยด้วยไม่เกินสงกรานต์น่ะ..สงสัยได้เล่นอยู่

Anonymous said...

Everything has been successfully completed for the day.
In the morning I thought that I would be able to go,but at last I was able to make up my mind!

The day went well. I still do not get any news from my family regarding to my sister. May God bless my poor sister!!

Anonymous said...

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ

My Friends' Blogs

India and I

  • There are alots of things which waiting for us to discover. All knowledge is not around us,but inside. It is depended upon our ability to realise and pick it up. The apple falls from the tree,and if Newton failed to learn from it,then the law of gravitation would have not been discovered!!!
  • India is the country of contrast. You often see someting beyound your expectation.Yet,and I found that there is a tool similar to Hmong's ones expecially the stick used for balancing the two baskets for carrying water. I observed that their's one is like ours only. In Hmong language we can read it phonetically as " / dΛ ŋ/ ". This attracts me to look forward for the connection.
  • India has also have a interesting story "Why corps in the filed do not come home themselves like in the past?" I have heard this story when I was a child. Thus when I came across this Indian legend ,it reminds me of the Hmong version. If you are interested you can check it out form my page in Thai text,otherwise you can surf it. This story creates another couriosity in me. I want to find out if we had been to India before we reached in China. Because the ICE AGE or the Peleolithic Age or The Earliest traces of human existance was in India.
  • India is where we Hmongs think that there are also Hmongs live in. But I have experienced that there is not Hmong Indian. Yet,there is a gruop of people who call themselves as "Mizo"(with the similarity of the Hmong's names given by the Han, i.e. Miao zu,Meo or even Mizo ) .But as far as I have learnt form my Mizo friends in college,our language is competely different to one another.Moreover, our dress also is different. However there are many Hmong researchers suggested me that there are Hmongs living in India,and yes, there are Hmongs living here, but only living for studying.
  • I was in debt to India. She educates,guides and teaches me how to be a great survior.
  • เป็นกำลังใจให้ทุกคนๆเดินออกมาพร้อมความสำเร็จนะ
  • ใครเรียนอยู่อินเดียบ้าง..ขอมือหน่อย