Saturday, January 31, 2009

Sarawati Day




ศุกร์นี้ฉันไม่รู้ว่าเป็นวันอะไรหรอก จนกระทั่งถึงตอนเย็นที่กลับบ้านแล้วเห็นผู้ใหญ่เขาจัดสถานที่อย่างสวยงามตรงทางเข้า ก็เลยนึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเน้อ ไม่ได้ถามความแต่อย่างใด ตกดึกสามทุ่มครึ่งหลังทานข้างเสร็จแล้ว ฉันก็เดินตระเวณตามถนนเล็กแถวโกลพาร์ค แล้วไปทะลุที่ถนนใหญ่ราชบีฮารี ไม่มีร้านมากนักแล้วที่เปิดร้านอยู่ ผู้คนที่ขายของสงหว่างทางกำลังเก็บของอย่างเขมักเขม้น ฉันเจอสองหนุ่มเนปาลหรือเนปาลีเข้า เค้าก็คงคิดว่าฉันเป็นพวกเดียวกับเค้า ส่งภาษาให้ฉันอยู่ แต่ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด เดินมาเรื่อยๆ ไฟของเมือนี้ก็ดับอีก ผู้คนไปๆมาๆเหมือนกับไฟไม่ดับเช่นเคย สักครู่เดินเข้ามาใกล้บ้าน มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา...เอ้ เจ้ากุ๊กนิ..มาแล้วหรือเนี่ย เร็วกว่ากำหนดจัง..การบินไทยเลื่อนเวลาการบินเพราะหมอกลงหนักในช่วงเช้าตรู่ ปกติจะถึงที่นี่ก็ตีสาม แต่น้องมาถึงที่นี่สี่ทุ่ม ..ต่อจากนั้นฉันก็เดินเข้าไปในสถานที่ที่ทางพระฮินดูจัดสถานที่สำหรับวันสำคัญของวันนี้ ฉันเข้าไปดูๆอยู่เห็นลุงคนหนึ่งกำลังจัดวางผงสีอะไรสักค่อนข้างมีน้ำหนักนิดๆ ค่อยๆวางไปเป็นรูปทรงและรูปภาพต่างๆจนก่อนฉันกลับ ฉันขณะที่รอดูผลงานของลุงนั้น ก็เข้าไปข้างในแล้วไปฟังพระฮินดูสวดมนต์ประกอบกับเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งของอินเดีย ไม่มีใครมาฟังเลย มีแต่ลุงสองคน พระ และฉั้นแค่นั้นแหละ สักครู่เดินออกมา แล้วมาพูดคุยกับลุงนี้ เค้าทำงานให้กับรามคริสนามิสชั่นได้ 29 ปีแล้ว ชวนฉันคิดไปพลางๆว่า องค์กรศาศนานี้รักษาคนใช้ไว้จนผมขาว ผิวย่นกันหมดก็ยังไม่เคยให้เค้าออกเลย บางคนที่ดูแลอาหารให้พวกเราก็อายุมากแล้ว หลายๆคนที่รดน้ำต้นไม้ไม่ไหวแล้ว ก็ยังถอนหญ้าอยู่ เฮ้ย...หากไม่ทำแล้ว จะทำอะไรเล่า?

เอาล่ะต่ออีกนิดเรื่องของเราในวันนี้นะ...วันนี้เป็นวันของทุกคนเลยนะ คนที่ขนไขว้หาความรู้จะไม่แตะหนังสือเลยนะวันนี้ เป็นลางไม่ดีสักเท่าไร เพื่อนๆบอกฉันตั้งแต่ปีแรกที่มาอยู่ที่นี่ เราก็ลืมอ่ะ ก็เลยไปหยิบหนังสือมาอ่านเลยอ่ะ..สักครู่คิดได้..วางลง..อยู่ๆ ก็ไปจับมาอีก..เหอะๆ เด็กเรียนไง..จับหนังสือเป็นกิจวัตร ลองตั้งใจไม่จับซิ..รับรองว่าคุณต้องลืมด้วยแน่ๆเลย กิกิ

ทุกคนทั้งผู้ใหญ่และเด็กทยอยกันเข้ามาที่วัดฮินดูที่อยู่ข้างๆบ้านพักเรา ผู้ชายและผู้หญิงทั้งน้อยใหญ่ต่างสวมชุดอินเดียกันโดยเฉพสะชุดสีขาวและเหลือง คงรู้นะว่าหมายถึงอะไร...ฉันสวมชุดสาวาคาเมสสีหลืองและเขียวหน่อยจ้า สวยเหมือนคนอินเดียเหมือนกันนะ จริงๆแล้วต้องใส่สาหรี แต่อุดไว้ตอนงานFarewellก่อน แฮะๆ
เดินข้างหน้าเรื่อยๆตรงที่คนไปเยอะๆ ไปดูว่าเค้าทำอะไร ไม่รู้ว่าเค้าทำไรกัน อ้อ..ดอกไม้หนึ่งกำฉั้นยื่นมือไปกำ แล้วนำมาอธิฐานของพรเจ้าเจ้าแม่สาราวาตี พระสวดก็สวดตมพระไป จากนั้นก็คืนดอกไม้ในมือไป แล้วถูกนำไปเทไว้ตรงหน้าของเจ้าแม่ ฉันเดินออกมาเรื่อยๆ ตรงที่ไม่มีคนเยอะเท่าไหร่ แล้วหาโอกาสถ่ายรูปผู้คนสักครู่ ก็ถ่ายกันเองมั้งเมือเพื่อนๆมา ไม่นานเราต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไป แล้วฉั้นก็กลับมาสู่ความเป็นปกติของชีวิตในวันเสาร์เช่นเคย แต่ไม่แตะหนังสือเลยนะวันนี้ จริงๆนะ เพราะอยากจะเก่งเหมือนเด็กอินเดียบ้าง...สรุปแล้ววันนี้เป็นวันแห่งความรู้ วันที่ฉั้นคิดว่าฉั้นควรรู้จักตัวเอง รู้จักสำนึกถึงบุญคุณของผู้อื่น และรู้จักและตระหนักคุณค่าของการศึกษาเล่าเรียนมากกว่าการที่ต้องหาความรู้ให้มากที่สุดในวันแห่งความรู้อย่างนี้ ไม่งั้นพ่อแม่คงแนะนำให้เด็กๆอ่านหนังสือมากว่าการออกไปบูชาเจ้าแม่สาราตีแล้วล่ะ

No comments:

My Friends' Blogs

India and I

  • There are alots of things which waiting for us to discover. All knowledge is not around us,but inside. It is depended upon our ability to realise and pick it up. The apple falls from the tree,and if Newton failed to learn from it,then the law of gravitation would have not been discovered!!!
  • India is the country of contrast. You often see someting beyound your expectation.Yet,and I found that there is a tool similar to Hmong's ones expecially the stick used for balancing the two baskets for carrying water. I observed that their's one is like ours only. In Hmong language we can read it phonetically as " / dΛ ŋ/ ". This attracts me to look forward for the connection.
  • India has also have a interesting story "Why corps in the filed do not come home themselves like in the past?" I have heard this story when I was a child. Thus when I came across this Indian legend ,it reminds me of the Hmong version. If you are interested you can check it out form my page in Thai text,otherwise you can surf it. This story creates another couriosity in me. I want to find out if we had been to India before we reached in China. Because the ICE AGE or the Peleolithic Age or The Earliest traces of human existance was in India.
  • India is where we Hmongs think that there are also Hmongs live in. But I have experienced that there is not Hmong Indian. Yet,there is a gruop of people who call themselves as "Mizo"(with the similarity of the Hmong's names given by the Han, i.e. Miao zu,Meo or even Mizo ) .But as far as I have learnt form my Mizo friends in college,our language is competely different to one another.Moreover, our dress also is different. However there are many Hmong researchers suggested me that there are Hmongs living in India,and yes, there are Hmongs living here, but only living for studying.
  • I was in debt to India. She educates,guides and teaches me how to be a great survior.
  • เป็นกำลังใจให้ทุกคนๆเดินออกมาพร้อมความสำเร็จนะ
  • ใครเรียนอยู่อินเดียบ้าง..ขอมือหน่อย