Wednesday, January 21, 2009

เสด็จเยี่ยมต้นไม้ที่ปลูกไว้บนดอย


วันนี้เป็นวันที่สมเด็จพระเทพรันตราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จเยี่ยมโรงเรียนตำรวจตระเวณชายแดนรัปาปอร์ต โรงเรียนที่ฉันผูกพันมาตั้งแต่เล็กจนถึงปัจจุบัน จากการฟังคำบรรยายจากคุณแม่ของฉัน พระองค์ท่านทรงพระเครื่องมายังสนามอบต.บ่อแก้ว แล้วเดินทางโดยพระที่นั่งมายังโรงเรียนแห่งนี้ที่บ้านป่าเกี๊ยะใน ด้วยการทรงงานทั้งวันที่อำเภอแม่แจ่มด้วย พอถึงที่โรงเรียนของพวกเราก็ ๑๗.00 นาฬิกาแล้ว และเพียงสักสองชั่วโมง พระองค์ท่านก็เสด็จกลับ การเสด็จครั้งนี้ทิ้งช่วงได้ 5 ปีเต็มหลังจากที่มีการเสด็จในปี 2547
การทรงงานทางไกลของพระองค์ท่านคงเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรของพระองค์ท่านไปเสียแล้วหล่ะ ไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างเลยหรือ?
การทรงงานยามเย็นวันนี้ที่โรงเรียน เตือนให้ฉันนึกถึงสองปีก่อนที่พระองค์ท่านทรงเสด็จมาเยี่ยม Loreto College ในอินเดียที่ฉันกำลังเรียน โดยมีภารกิจคราวๆดังนี้คือ พระองค์ท่านกลับจากการเยี่ยมสถานที่สำคัญต่างในเมืองกัลกาต้าประมาณ ๑๖.00 นาฬิกา และหกห้าโมงเย็นเสด็จไปยังวิทยาลัยของเพื่อนผู้ชายอีกคนหนึ่งที่มาด้วยกัน St.Xavier college สามทุ่มเป็นเวลาเสวยพระหระยาหารของพระองค์ท่าน สี่ทุ่มเป็นเวลาที่เหล่าข้าราชการและนักเรียนทุนอย่างข้าพเจ้าต้องเข้าเฝ้าในโรงแรมที่พักของพระองค์ท่าน เที่ยงคืนเป็นเวลาเสด็จไปยังสนามบินเนทาจี(Netaji Airport) ตีสองครึ่งเป็นเวลาที่นกของการบินไทยบินออกจากที่นี่ พระองค์ท่านเสด็จถึงประเทศไทยก็ประทาณ ๖ นาฬิกาตอนเช้า กลับถึงไทยมีเสด็จไปทรงงานที่อื่นอีก...เป็นฉันคงไม่ไหวหล่ะ...แต่นี่คือใครเล่า?

ฉันคิดแล้วรู้สึกว่า พระองค์ท่านเป็นผู้หนึ่งที่ทำงานไม่เป็นเวลาเอาเสียเลย ไม่มีการเว้นวันหยุด และไม่ฟิสเวลาในการทำงาน ดึกๆ เช้าๆ และบ่ายๆเป็นเวลาของการทำงานหมด ...แล้วก็ไม่ทรงอยากพักผ่อนบ้างเลยหรือพระพุทธเจ้าค่ะ? ต่างจากฉันเสียเหลือเกินที่เอาเวลามากมายใช้อย่างไม่เป็นเรื่องเป็นราวเท่าไหร่ การนึกถึงการทรงงานอย่างหนักของพระองค์ท่านแล้ว วันนี้ทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของพระองค์ท่านที่ฝากไว้กับฉันก่อนเดินทางมาที่นี่และตอนที่มาเยี่ยมที่นี่ หวังบางอย่างฉันได้ทำบ้างแล้ว และหวังอีกมากมายยังไม่ได้ทำเลย...เลยชักจะกลัวๆหน่อยแล้วซิกับการรเสด็จของพระองค์ท่านในเดือนหน้า เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ฉันต้องมองดูตัวเองอีกครั้งหนึ่ง เพื่อรายงานให้พระองค์ท่านได้ทราบ...แล้วจะรายงานว่าอย่างไรดี ฉันไม่ได้ใช้สิ่งที่อยู่ในฉันอย่างมีประโยชน์เลย

อย่างไรก็ตามตอนนี้ภูมิใจที่มีพ่อแม่ให้โอกาสเรา ครูให้โอกาสเรา และคนรอบข้างใหโอกาสเสมอ ฉันภูมิใจที่พ่อแม่ของฉันมีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์ท่านอีกครั้งหนึ่ง คุณย่าเราอยู่หลังสุดโน้นเลย แต่คุณแม่และคุณพ่อเราอยู่หน้านี่เอง ส่วนเราก็อยู่ที่นี่ อยู่ที่นี่ตัวเล็กจะตาย แต่เมืองไทยดูแล้วตัวใหญ่มากเลย...เราก็แค่นี้ อย่างนี้ ลูกใคร หลานใครก็ไม่รู้ ทำไมพระองค์ท่านถึงมีเมตตาอย่างนี้....พระองค์ท่านไม่กลัวเลยหรือว่า ต้นไม้ที่ปลูกไปอาจจะไม่เจริญเติบโตหรืออาจจะให้ผลที่ไม่งามบ้างเลยหรือ...ทำไมถึงกล้าเสี่ยงกับต้นไม้ต้นนี้ในป่าดงดิบที่ห่างไกลจากแสงสว่าง ...มีวันนี้ อาจเป็นเพราะพระองค์ท่านคิดว่า อย่างน้อยต้นไม้ต้นนี้ก็อาจสามารถกลับไปตกแต่ง และจัดทรงกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ที่เล็กกว่าให้ดูดีขึ้นได้ เหมือนที่พระองค์ท่านให้โอกาสเด็กๆอย่างพวกเราที่นี่วันนี้...ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบขอบพระมหากรุณาธิคุณนี้ พระคุณที่ล้านคำไม่อาจบรรยายได้ เงินตราตีค่าไม่ได้...จะทำให้ดีที่สุดนะคะ...กำลังจากฟากฟ้ามากมายจากคนที่รัก ชอบ และห่วงเรามีให้เราเสมอ..

เรนไร ๒๑ มกราคาม ๒๕๕๒

2 comments:

Anonymous said...

ขอบคุณค่ะ สำหรับบทความดี ๆ

Rainrai Xeem Yaaj said...

ขอบคุณมากที่แวะมานะคะ
อยู่ไหนเอ่ย?

My Friends' Blogs

India and I

  • There are alots of things which waiting for us to discover. All knowledge is not around us,but inside. It is depended upon our ability to realise and pick it up. The apple falls from the tree,and if Newton failed to learn from it,then the law of gravitation would have not been discovered!!!
  • India is the country of contrast. You often see someting beyound your expectation.Yet,and I found that there is a tool similar to Hmong's ones expecially the stick used for balancing the two baskets for carrying water. I observed that their's one is like ours only. In Hmong language we can read it phonetically as " / dΛ ŋ/ ". This attracts me to look forward for the connection.
  • India has also have a interesting story "Why corps in the filed do not come home themselves like in the past?" I have heard this story when I was a child. Thus when I came across this Indian legend ,it reminds me of the Hmong version. If you are interested you can check it out form my page in Thai text,otherwise you can surf it. This story creates another couriosity in me. I want to find out if we had been to India before we reached in China. Because the ICE AGE or the Peleolithic Age or The Earliest traces of human existance was in India.
  • India is where we Hmongs think that there are also Hmongs live in. But I have experienced that there is not Hmong Indian. Yet,there is a gruop of people who call themselves as "Mizo"(with the similarity of the Hmong's names given by the Han, i.e. Miao zu,Meo or even Mizo ) .But as far as I have learnt form my Mizo friends in college,our language is competely different to one another.Moreover, our dress also is different. However there are many Hmong researchers suggested me that there are Hmongs living in India,and yes, there are Hmongs living here, but only living for studying.
  • I was in debt to India. She educates,guides and teaches me how to be a great survior.
  • เป็นกำลังใจให้ทุกคนๆเดินออกมาพร้อมความสำเร็จนะ
  • ใครเรียนอยู่อินเดียบ้าง..ขอมือหน่อย