Thursday, December 25, 2008

มีอย่างนี้บ้างไหมในชีวิตคุณวันฉลองครบรอบ...



ครอบรอบวันเริ่มรัก 23 Otc 2008

วันเกิดของความรักระหว่างคนสองคนครบรอบแล้ว ฉันเองก็แปลกฉันด้วยเหมือนกันว่า ทำไมถึงมีวันอย่างนั้นด้วย แต่แน่นอนว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ไปร่วมงานงานแห่งความรักเกิดของคนสองคน คิดๆแล้วการมีวันอย่างนี้ก็เป็นสิ่งที่ดี เหมือนช่วยย้ำความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ฉันเองหลั่งจากทานข้าวมื้อเที่ยงวันนี้กับพรรคพวกแล้ว เราก็หาทางไปเที่ยวกันไปเที่ยวกันที่South City Mallก็เป็นห้างอย่างดีทีสุดในเมืองนี้นะ เพิ่งเปิดตัวปีนี้เองมีสปาของไทยเข้ามาทำธุรกิจที่นี่ด้วย ความสนใจของเราไม่ได้เพียงไปใช้เวลาให้สิ้นเปลื้องและรับแอร์เย็นๆกลิ่นอาหารหอมๆแค่นั้นหรอก วันนี้เราเริ่มต้นด้วยการสร้างทางเราไปยังร้านขายหนังสือ Star mark หยิบหนังสือมาเล่มหนึ่งกวาดตาไปเล่นๆมันบอกอะไรกระซิบหนูฉันว่า ฉันควรซื้อนะ แอบไปดูราคาก็พอจ่ายได้ มีตังต์วันนี้แค่ รูปีเอง แต่คิดว่าสิ่งที่ไม่ควรจ่ายเรายังจ่ายได้โดยไม่คิดมาก แค่หนังสือดีๆอย่างนี้เราจะลงทุนไม่ได้เหรอ เหตุนี้เองทำให้ฉันจับมาเก็บโดยไม่คิดอ่านต่อไป เดินมาหยิบอีกเล่มหนึ่งเป็นหนังสือแปลหนังสือเล่มสุดท้ายที่เล่าจื้อเขียนให้กับชาวสวนคนหนึ่งก่อนจะหายไปโดยไม่มีใครทราบ

ฉันอ่านดูไปเห็นว่าตรงกับความสนใจของตัวเองที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตเลย พลิกดูด้านหลังเพื่อดูราคา

หลายรูปีเลย ตัดสินใจไม่ซื้อ จึงนั่งอ่านไปจนเกือบหมดเล่ม เป็นหนังสือเล่มไม่ใหญ่เท่าไรนัก วาดลูกตาไปแป้บหนึ่งก็หมดแล้ว แต่ดูเหมือนอ่านแล้วเก็บอะไรมาไม่ได้เลย

จำเพียงได้ว่า

Color blinded eyes

Sound deafened ear

taste flouvered bud.



And the other is.....


Man follows the earth

the earth follows the universe

the universe follows the Toa

มีอีกมากที่น่าเรียนรู้ แต่เรายังไม่ได้เรียนเลย เดินทางมายังชั้นล่าง เห็นหนังสือเล่มหนึ่งใหญ่มาก เป็นหนังสือคอมพิวเตอร์ก เล่มใหญ่มากเลย พอเป็นที่นั่งให้ฉันได้ เปิดอามาดู โอนี่หรือหนังสือ หนักก็หนัก โอนี่แหละความรู้ที่แน่นแฟ้นแท้จริง

ฉันคงไม่อ่านหนังสือเล่มโตๆอย่างนั้นหมดแน่นอน คนเขียนช่างเขียนเสียจริงๆ เดินออกมาข้างนอกมาทานโมโม้ แล้วก็มารอรถบัสข้างทาง รถบัสไม่มา เรารอครู่หนึ่ง คนขับแท็กซี่ก็เลยแนะนำให้ขึ้นรถของแก แต่เราไม่ หลังจากพูดเส็จ ตำรวจมาาถึง ก็ให้แกกรอกเอกสารบางอย่าง ขาพเจ้าไม่แน่ใจว่าอะไร ด้วยความอยากรู้ เลยเดินเล่นๆชำเลืองตาไปดู ไม่รู้หรอกว่าคืออะไร แต่ที่พวกเราทุกคนสันนิฐานคือ จ้าคนนี้ถุกปรับและยึดบางอย่างแน่ เพราะแกจอดรถข้างถนน เราเลยว่ากันว่าสงสารลุงนี้จังเลย เขาหาเงินใช้แต่ก็ต้องใช้เงินค่าปรับ ฉันเลยว่า อืมถ้าเรานั่งรถแกนะ แกก็คงไม่ถูกปรับเน้อ แต่อีกเสียงเข้ามาว่า ไปบัสแหละถูกกว่า ทางมาเราปล่อยให้อีกกลุ่มหนึ่งมาแท็กซี่แต่เรามาบัส เหตุผลทุกอย่างที่ทำไปก็เพราะประหยัดแหละ ทั้งวันนี้ก็ทำได้แค่นี้ เห็นพี่ศักดิ์บอกว่าวันนี้เป็นวันที่ม้งเราสูยเสียคนสำคัญคนหนึ่งของม้งไป วึ่งข้าพเจ้าเองไม่ทราบว่าใคร แกไม่ได้บอก เพียงให้เราหา เราไม่ได้หา ก็เลยไม่รู้ แต่ที่แน่ๆเลยวันนี้เปฺ็นวันสำคัญหลักๆคือ

1.วันนี้เป็นวันแห่งความรักของคนคู่หนึ่งในโลกที่รักกันครบรอบหนึ่งปี

2.วันนี้เป็นวันที่ฉันได้ลิขสิทธฺ์การเป็นเจ้าของหนังสือ God loves Fun ด้วยราคา 100 รูปี

3.วันนี้เป็นวันที่ฉันเหลือเงินในกระเป่าไม่กี่ตังต์เพราะซื้อความสุขกลับมาหมด

4.วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันเปิดให้ใครเห็นฉัน

5.วันนี้เป็นวันที่ฉันตื่นสายที่สุดเพราะรอท้องกินข้างเที่ยงกับเพื่อนๆ

6.และวันนี้เองที่ทำให้ใจฉันสบายขึ้นหลังจากทุกอย่างจบลง แล้วฉันจะได้นอนบ้างแล้ว หากวันยังมีต่อ ฉันคงต้องเขียนต่อเรื่อยๆ งั้นขอบคุณที่มีวันและคืนให้ฉันได้ทำงานและพักผ่อน

Rain

No comments:

My Friends' Blogs

India and I

  • There are alots of things which waiting for us to discover. All knowledge is not around us,but inside. It is depended upon our ability to realise and pick it up. The apple falls from the tree,and if Newton failed to learn from it,then the law of gravitation would have not been discovered!!!
  • India is the country of contrast. You often see someting beyound your expectation.Yet,and I found that there is a tool similar to Hmong's ones expecially the stick used for balancing the two baskets for carrying water. I observed that their's one is like ours only. In Hmong language we can read it phonetically as " / dΛ ŋ/ ". This attracts me to look forward for the connection.
  • India has also have a interesting story "Why corps in the filed do not come home themselves like in the past?" I have heard this story when I was a child. Thus when I came across this Indian legend ,it reminds me of the Hmong version. If you are interested you can check it out form my page in Thai text,otherwise you can surf it. This story creates another couriosity in me. I want to find out if we had been to India before we reached in China. Because the ICE AGE or the Peleolithic Age or The Earliest traces of human existance was in India.
  • India is where we Hmongs think that there are also Hmongs live in. But I have experienced that there is not Hmong Indian. Yet,there is a gruop of people who call themselves as "Mizo"(with the similarity of the Hmong's names given by the Han, i.e. Miao zu,Meo or even Mizo ) .But as far as I have learnt form my Mizo friends in college,our language is competely different to one another.Moreover, our dress also is different. However there are many Hmong researchers suggested me that there are Hmongs living in India,and yes, there are Hmongs living here, but only living for studying.
  • I was in debt to India. She educates,guides and teaches me how to be a great survior.
  • เป็นกำลังใจให้ทุกคนๆเดินออกมาพร้อมความสำเร็จนะ
  • ใครเรียนอยู่อินเดียบ้าง..ขอมือหน่อย