Thursday, December 25, 2008

“ข้อเสีย ปัญหาของม้ง แนวทางการแก้ไข”ของเรา


“ข้อเสีย ปัญหาของม้ง แนวทางการแก้ไข”
การมีปัญหาไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร สิ่งไม่ดีนำมาซึ่งปัญหา ส่วนปัญหามักนำไปสู่การแก้ไข ฟื้นฟู ปรับปรุงสิ่งที่ไม่ดีให้ดีขึ้น หรืออาจหมายถึงการลบสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมออก แล้วเพิ่มเติม เปลี่นแปลงสิ่งนั้นๆให้ดียิ่งๆขึ้น ฉะนั้นการมีปัญหาเป็นเรื่องที่ปกติ คิดพร้อมๆตามหัวข้อมีคำหนึ่งที่มีขอบเขตกว้างมาก “ม้ง” หากยิ่งดูม้งกว้างขวางเท่าไร ยิ่งเห็นปัญหามากเท่านั้น อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าขอรวบรวมม้งทุกกลุ่มให้เป็นกลุ่มเดียวกัน ความดีที่เกิดขึ้นจากม้งกลุ่มใดก็ตามถือเป็นแรงใจให้กับม้งทุกคน ในขณะเดียวกัน ปัญหาที่ม้งสร้างเองหรือคนชาติพันธุ์อื่นมอบพิเศษให้ ก็ขอถือว่าเป็นความรับผิดชอบของม้งเราทุกคน ฉะนั้นข้อเสียของม้งและปัญหาต่างๆของม้งที่ข้าพเจ้ามองเห็นในวันนี้ ข้าพเจ้าจะหมายถึงเป็นความรับผิดชอบของม้งทุกคน เราต้องรวมเป็นหนึ่งถึงจะเป็นหนึ่งได้
หากม้งไม่มีข้อเสีย ปัญหาม้งก็ไม่มี ข้อเสียหนึ่งๆก่อให้เกิดปัญหามากว่าหนึ่ง แต่ละปัญหาก่อให้เกิดข้อเสียย่อยๆตามอีกมากมาย ตระหนักเช่นนี้แล้ว พึงระลึกว่าม้งเรามีข้อเสียอยู่หลายประการ หากไม่ได้รับการแก้ไขย่อมเป็นไปตามวัฏจักรที่กล่าวมา การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับม้งนั้นยากเกินไปที่จะใช้เฉพาะเสียงและปลายปากกามาควบคุม เราต้องมีการตามด้วยการการกระทำด้วย ปัญหาที่ข้าพเจ้ามองเห็นมีมากมาย ซึ่งมาจากข้อเสีย เดียวคือ ม้งไม่รู้ม้ง ข้อเสียนี้ทำให้เกิดปัญหาตามมาคือคนอื่นๆไม่รู้ม้งด้วย ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วไปในทุกมุมโลก เช่นปัญหาความยากจน หรือความขัดแย้งทางการเมือง ข้าพเจ้าจะไม่ไปดูถึงจุดนี้มากเท่ากับความไม่รู้ม้งของม้งและคนอื่นที่ไม่รู้ม้งที่นำมาด้วยปัญหาต่างๆที่จะกล่าวต่อไปนี้
ปัญหาข้อมูลพื้นฐานของม้งที่ขาดความชัดเจนและเหตุผลในตำราไทย ข้อมูลที่ผ่านตามาล้วนเริ่มต้นที่แตกกันอยู่สองแบบคือ ม้ง แล้วมีคำหนึ่งในวงเล็บว่า แม้ว อีกแบบหนึ่งก็ตรงกันข้ามกับแแบบแรก พอย้ายสายตามาอีกนิดก็จะพบอีกว่า ม้งเป็นชนเผ่าหนึ่งที่เร่รอนอาศัยอยู่ตามที่สูง ทำไร่เลื่อนลอย มีอาชีพหลักคือปลูกฝิ่น มีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง แต่หามีประเทศเป็นของตัวเองไม่ ต่อสู้กับคนจีนและ คนลาวเพื่อแย้งชิงประเทศ เพราะการพ่ายแพ้เลยกระจัดกระจายมาอยู่ทั่วโลกเหมือนทุกวันนี้ ฯลฯ ข้อมูลนี้ก็มีส่วนถูกอยู่ แต่ขาดหายเหตุผลและข้อเท็จจริงบางอย่างไป เช่น ม้งทำการเพาะปลูกในพื้นที่ถาวร ปลูกข้าวปลูกข้าวโพด มีศาสตร์ความรู้ของการปลูกพืชตามฤดู นำผลผลิตเหล่านี้ไปแลกเกลือและปลาจากจีน (ม้งไม่สามรถผลิตเกลือได้ อาหารม้งจริงๆแล้วจึงมีรสจืด) หรือม้งต้องอยู่ทำมาหากินตามภูเขาจากเขานี้ไปอีกเขาเพราะม้งถูกรุกราน หามีนิสัยรักการย้ายถิ่นไม่...ใครบ้างเล่าจะไม่หนีเพื่อชีวิตรอด ม้งมีหลายกลุ่มได้เพราะม้งถูกจีนแบ่งแยก เพื่อให้แตกความสามัคคีในหมู่ ยากที่จะรวมตัวเป็นหนึ่งต่อสู้กับจีนได้ ม้งปลูกฝิ่นมาตั้งนานเพราะอะไรเดียวเรามาดูตรงปัญหายาเสพติดกัน ตอนนี้ข้าพเจ้าอยากถามว่าข้อมูลเหล่านี้หายไปอยู่ไหนเล่า ใยใดตำราไทยหรือม้งหามีไม่? (คำตอบคือ เพราะม้งเราไม่เขียนเอง) หากข้าพเจ้ารู้เพียงภาษาเดียว ชาตินี้คงขาดทุนเป็นแน่ที่ไม่รู้รากเหง้าที่แท้จริงของตัวเอง ลองคิดดูหากม้งไทยและคนไทยอยากรู้ประวัติม้ง เขาก็คงศึกษาจากตำราที่คล้ายคลึงกัน ประวัติศาสร์ไทย คนไทยเป็นคนเขียน ประวัติจีนคนจีนปัดหางพู่กันเอง ประวัติเราต้องให้คนอื่นช่วยเขียนก่อนหรือ? หากข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับเรายังไม่เปลี่ยนให้สมบูรณ์ อย่างนี้ ม้งเรารุ่นแล้วรุ่นเล่าต้องถูกคนอื่นๆมองในภาพแคบๆนั้นเสมอ ข้าพเจ้าต้องขอยกย่องผู้ที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับประวัติม้ง วิถีชีวิตม้ง ประเพณีวัฒนธรรมม้ง และความเชื่อของม้ง ทั้งคนที่เป็นม้งและไม่เป็นม้งที่ช่วยกันศึกษารวบรวมข้อมูลที่แท้จริง ข้อมูลเก่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการอ้างอิงจากหลักฐานการบันทึกของจีนเท่านั้น จีนและม้งเป็นศัตรูกันสมัยก่อน เหตุใดเล่าจีนจะเขียนสิ่งดีๆของม้งไว้ ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขอแนะนำแนวแก้ปัญหาม้งไม่รู้ม้งโดยการใคร่ขอแนะนำให้ท่านศึกษาดูจากข้อมูลที่หลากหลาย แล้ววิเคาระห์ไปพร้อมๆจากตำนาน นิทาน ความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรม องค์ความรู้ และวิถีชีวิตม้ง เหล่านี้แท้จริงแล้วเป็นหนังสืออันสำคัญของม้ง หลังการศึกษาแล้วข้าพเจ้าคิดว่าความรักที่จะสงวนสิ่งเหล่านี้คงเกิดขึ้นในใจท่านเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นแล้วในใจของข้าพเจ้าแล้ว จากนั้นขอให้เราช่วยกันแปลออกมาเป็นตำราให้ลูกหลานเราและผู้สนใจได้ศึกษาต่อไป ข้าพเจ้าเชื่อว่าม้งอเมริกัน ออสแตรเลียน หรือจีนคงไม่ต้องการม้งสักคนแปลข้อมูลพื้นฐานของม้งแล้ว แต่สำหรับภาษาไทย ลาว พม่า และเวียดนามเรายังต้องการคนเริ่มต้น เพราะคนของเราที่อาศัยอยู่ในประเทศเหล่านี้และคนกลุ่มต่างๆในประเทศยังไม่รู้จักม้งจริงๆเลย เราต้องศึกษาตัวเราเองให้ดีก่อน ก่อนที่จะเปิดทัวร์เข้าหมู่บ้านให้คนอื่นมาศึกษาเรา ทั้งนี้ทั้งนั้นความหวังของข้าพเจ้าก็ขอฝากไว้กับมัคคุเทศน์ม้งทั้งน้อยใหญ่ ท่านต้องมีความรู้เรื่องม้ง อย่างดีและถูกต้องก่อน แล้วความสำเร็จก็จะไม่นำมาซึ่งเงินอย่างเดียว
ปัญหาม้งกับยาเสพติด ม้งถูกมองในด้าลบมาตลอดเพราะเราไม่รู้เราและเขาไม่รู้เราอีกแล้ว พ่อแม่ของเราแต่ก่อนไม่ตายง่ายๆ แม้ได้ถูกไล่ไปอยู่บนเขาแห้งแล้ง แทนที่จะได้ปลูกข้าวในนา กลับต้องปลูกบนเขา การแบกข้าวและผ้ากัญชงหนักๆข้ามเขาข้ามวันคืนเพื่อแลกเกลือและปลาจากจีน ต่อมาชาวอาหรับได้นำฝิ่นมาในจีน ทั้งจีน ม้ง และกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆปลูกกัน แต่ด้วยการถูกไล่ให้อยู่ตามเขานี่เอง เลยต้องปลูกฝิ่นตามเขา เลยบังเอิญว่าม้งค้นพบองค์ความรู้ใหม่“ฝิ่นปลูกได้ดีบนพื้นที่สูง”แค่นี้แหละหนังสือประวัติศาตร์ยกย่องว่าม้งปลูก เสพ ค้าฝิ่น ทั้งๆที่เราทำโดยได้รับการสนับสนุนจากจีน อังกฤษ ฝรั่งเศล และไทยในภายหลังต่อมาที่เราเข้ามาอยู่ในประเทศไทย อย่าลืมว่าสมัยก่อนฝิ่นมีหน้าที่เหมือนเงิน ผู้คนปลูกกัน ทำกัน ยอมรับกัน แต่ทำไมกลิ่นไอของฝิ่นติดอยู่กับชื่อม้งเพียงชื่อเดียวจนถึงทุกวันนี้ ข้าพเจ้ายอมรับว่าแค่คำว่า “ฝิ่นกับม้ง”ที่อ่านเจอในหนังสือก็ย้ำเตือนวิถีชีวิตเราได้ดีพอแล้ว ยิ่งมาเจอสวนฝิ่นสวยๆในหมู่บ้านที่ให้อาหารตาและอาหารสมองนักท่องเที่ยว รวมทั้งสถาณการณ์ยาเสพติดกับม้งในปัจจุบันอีก มันยิ่งเป็นการซ้ำเติมประวัติให้ถูกจำได้ดีขึ้น สำหรับปัญหานี้ข้าพเจ้าเองไม่มีแนวทางการแก้ไข หากมีเจตนาปลูกฝิ่นเพื่อการศึกษาจริงๆ ก็มีวิธีอื่น สวนพฤษศาสตร์แม้มีดอกไม้นับพันแต่หามีฝิ่นไว้ศึกษาไม่...เหตุใดเล่าเจ้าถึงนำมาเป็นของคู่ม้ง ? สำหรับปัญหายาเสพติดนั้น ข้าพเจ้าไม่มีแนวทางที่ดีกว่าการแก้ไขของรัฐบาลทุกวันนี้ การแก้ไขเรื่องนี้ไม่ใช่ต้องแก้ไขที่จิตสำนึกของความเป็นม้ง แต่ต้องแก้ไขที่ความเป็นคน ส่วนข้อมูลที่ได้รับการตีพิมพ์ไปลอยๆตามสื่อต่างๆเหล่านั้น เราสามารถแก้ไขในส่วนนี้ได้ไม่ยาก คือ เราม้งเองต้องรู้จักตัวเราเองก่อน แล้วค่อยกระจายต่อๆกันในรูปแบบของงานเขียน อย่างน้อยข้าพเจ้ามั่นใจว่า ม้งเราก็จะถูกมองว่าเราเป็นผู้ทำลายป่าที่สมเกียรติขึ้น คือ “เพราะไม่มีใครเป็นที่พึ่งเราได้ นอกจากผื้นป่าเขียวขจีมืดมิดเท่านั้นที่ค่อยปกปิด รักษาพวกเราไว้ให้ปลอดภัยจากความโหดร้ายสงครามกับจีน หรือ เราไม่ใช่คนป่าแต่อยู่ในป่า ย้ายจากที่ไปที่เพราะสงครามจีน ลาว เวียดนาม” มีหลักฐานชัดเจนยืนยันอยู่แล้วว่าเราไม่ใช่เร่ร่อน คือ องค์ความรู้ในการปลูกพืชต่างๆ อุปกรณ์ทำมาหากิน ผ้าปักลายสวยๆที่บันทึกเรื่อราวต่างๆ (เสียดายทุกวันนี้ม้งเราอ่านไม่ออกแล้ว) การมีสิ่งเหล่านี้มาแต่ดั้งเดิมแล้ว นักมนุษยวิทยาจึงกล่าวว่าม้งเป็นเกษตกรดั้งเดิมของโลก รู้อย่างนี้ท่านยังจะรับไหวไหมหากเขาเรียกท่านว่า “คนเร่ร่อน”ท่านพร้อมใจกับข้าพเจ้าหรือยังที่จะลุกขึ้นแล้วอธิบายให้เขารับรู้เกี่ยวกับข้อมูลที่ถูกต้องของเรา
ปัญหาอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดจากเราไม่รู้เราคือ ปัญหาทางจารีต บรรทัดฐาน วัฒนธรรม และประเพณี ข้าพเจ้ารู้สึกว่าม้งเราวันนี้ไม่มีปัญหาอะไรกับสิ่งเหล่านี้ การแต่งงานโดยการฉุดไม่ได้มีผลเสียอะไร การจัดงานปีใหม่ไม่ตรงวันเวลาก็ไม่ใช่ปัญหา การสวมหมวกอาข่า เสื้อกางเกงและคนเป็นม้ง อย่างนี้ก็ไม่มีปัญหา เพราะเรายอมรับและปฏิบัติทั่วกัน แต่ในมุมมองข้าพเจ้าเห็นว่าทั้งหมดเป็นปัญหา แต่เป็นปัญหาเดียว คือ ทำไมเราถึงลืมมรดกที่ดีงามของเราได้ลงคอ มือแข็งแรงของท่านสร้างไว้ดี แต่ทำไมเราเก็บรักษาไว้ไม่ได้? ประเพณีการแต่งงานดั้งเดิม ชายไปสู่ขอหญิง ฝ่ายชายแม้บ้านอยู่ฝ่ายหญิงเพียงไรก็ต้องหาร่มสักอันเพื่อเป็นสัญญาลักษณ์ของการแต่งงาน มีข้าวสักห่อไว้ทานกลางทางเพื่อรับพรจากผู้เป็นพ่อเป็นแม่เบื้องบน ไปถึงบ้านฝ่ายหญิง พิธีการขอบคุณ ขอพร ให้พร และชี้นำสองผู้น้อยให้รู้จักการดำเนินชีวิตร่วมกันเริ่มขึ้นโดยเหล้าไม่มีดื่มให้เมา และเสียงเอะอะโวยวายไม่มีเข้าหู เสียงปลื้มปิติยินดีอาจคลอด้วยน้ำตาของผู้เป็นแม่และลูกเท่านั้นที่เป็นเสียงบรรเลงเพลงการจากกันเสมือนฉากหลังในวันสมรส เสร็จพิธีในบ้าน แม่ฝ่ายหญิงมีข้าวห่อหนึ่งให้ฝ่ายหญิงในขากลับเพื่อไปขอรับพรจากผู้เป็นพ่อเป็นแม่เบื้องบนเป็นครั้งสุดท้ายและขอบคุณท่านที่ให้คู่ชีวิต ก่อนเข้าบ้าน หญิงต้องได้รับการเรียกขวัญถึงจะเข้าบ้าน หญิงเข้าบ้าน เราพาไปนั่งในห้องครัวพูดคุยทำความรู้จักกับญาติพี่น้องใหม่ การนั่งในห้องครัวเป็นเครื่องบ่งบอกถึงการเริ่มต้นที่ดีของชีวิตคู่ ห้องครัวจึงเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นร่วมงานที่ดี เราพาเขามาเพื่อช่วยเราทำมาหากิน แต่ทุกวันนี้ ฉุดเข้าบ้าน เข้าห้องนอน! ข้าพเจ้าไม่โทษให้ใคร เพราะไม่ใช่ความผิดของเราตั้งแต่ต้น ขอยกควมผิดนี้ให้กับสงคราม การแพ้สงครามทำให้เราต้องย้ายถิ่นเพราะถูกรุกราน การหนีสงครามบนเส้นทางอันแสนไกลจึงทำให้เราต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตให้เข้ากับสถานการณ์ การต่อสู้ดิ้นรนย่อมมีแต่ความไม่ปลอดภัยในทรัพย์สินและชีวิต ใครเล่าจะมีใจมีเวลามาเกี๊ยวพาราณสี และมาสู่ขอกัน ฉุดเท่านั้นที่ทันใจ! แม้ม้งเรารู้ดีว่าผลผลิตที่ได้ย่อมไม่งามตา แต่กลายมาเป็นประเพณีการแต่งงานของม้งในอีกรูปแบบหนึ่งจนได้ ข้าพเจ้าไม่สามารถสร้างหรือแก้ไขรูปแบบการแต่งงานที่ดีกว่าทั้ง ๒ วิธีที่เรามีอยู่ได้ ปัจจุบันเราก็ไม่ต้องอยู่ในสงครามแล้ว จึงอยากจะพูดกับใจท่านสักครู่ว่า “การแต่งงานเป็นตายของสองจิต แล้วเกิดใหม่เป็นจิตเดียวกัน หากเพียงแค่ก้าวแรกคุณทั้งสองยังไม่สามารถก้าวพร้อมกันเพื่อไปขอบคุณและรับพรจากผู้มีพระคุณได้ ก้าวที่สองและก้าวต่อๆไปคุณจะเดินด้วยกันได้ดีหรือ? การเริ่มต้นที่ดีในก้าวแรก เป็นหลักประกันความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง”
อีกปัญหาหนึ่งที่เราแถบไม่รู้จักตัวเรา คือ เราไม่รู้ว่าเรานับถือศาสนาอะไร ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าเป็นปัญหาอะไรในการที่ม้งเราส่วนหนึ่งหันไปนับถือศาสนาคริสต์กัน ข้าพเจ้าไม่เห็นมีความเสียหายอะไรด้วยที่ม้งนับถืออะไรที่บรรพบุรุษของเรานับถือกัน เป็นศาสานาที่ไม่มีชื่อในภาษาอื่น แต่ข้าพเจ้ารักที่จะเรียกว่า “ศาสนาม้ง”มากกว่าศาสนาผี “ศาสนาที่ดีจะไม่มีวันตาย” ข้าพเจ้าไม่กลัวหรอกว่าหากม้งหันไปนับถือศาสนาคริสต์กันมากขึ้นๆ แล้วศาสนาม้งจะหาย ข้าพเจ้าเชื่อว่าหากความเชื่อนั้นๆยังให้ผลดีอยู่ อย่างน้อยยังมีม้งผู้ได้รับผลดีที่ยังคงเก็บมรดกทางพิธีกรรมของม้งได้ไว้อยู่ จึงไม่มีวันหายสาบสูญ แต่เราคนม้งรุ่นหลังควรที่จะศึกษาเหล่านี้ไว้เพื่อเหลาปัญญา จริงๆแล้วมีปรัชญาต่างๆอยู่เบื้องหลังพิธีกรรม ความเชื่อ จารีต ประเพณีของม้งอยู่ไม่น้อย ตัวอย่างเช่น ความคล้ายคลึงกับหลักปรัชญาของเล่าจื้อ คือสิ่งสองสิ่งต้องร่วมอยู่ด้วยกันเพื่อเกิดความสมดุลถึงจะดำเนินไปด้วยกันอย่างราบรื่นได้ ในขณะเดียวกันม้งเชื่อว่าการแต่งงานถือเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่สุด เพราะเป็นการรวมกันของหญิง (หยิน) และชาย(หย่าง)เข้าด้วยกัน เหตุนี้ครั้นเมื่อสามีหรือภรรยาคนใดคนหนึ่งเจ็บไข้ได้ป่วย เราจึงมีพิธีอัวเน้งให้กับทั้งสองคน หรือเมื่อสองสามีภรรยาเสียชีวิต เราเชื่อว่าจิตของเขาทั้งสองจะไปรวมกันเป็นหนึ่ง แล้วกลับมาจุติเป็นลูกของลูกหลานของวงศ์ตระกูลต่อไป เหตุใดภรรยาม้งโดยธรรมชาติแล้วไม่พูดจา แม้จะเจ็บปวดเพียงไร ต่างกับชายที่มีความอิสระเสรี แต่อยู่ด้วยกันได้จนเหมือนเป็นธรรมชาติไปเสียแล้ว เรื่องราวอย่างนี้หากเราศึกษาแล้ว จะทำให้เราเข้าใจสังคมม้งเป็นอย่างมาก ทุกวันนี้เรานับถือศาสานาม้งโดยปราศจากความเข้าใจ หากเราเข้าใจแก่นแท้ของความเชื่อม้งนี้แล้ว ความรู้สึกที่ว่างมงายจะถูกล้างไปด้วยคำอธิบายที่มีเหตุผล เวลากรอกข้อมูลอะไร เราก็ไม่ต้องไปยืมคำว่า “พุทธ” มาเป็นศาสนาของเราในบัตรประจำตัวประชาชน ส่วนความขัดแย้งเกี่ยวกับความข้อมูลทางศาสนาคริสต์และศาสนาม้งที่มีให้เห็นกันบ่อยครั้ง ข้าพเจ้าขอเสนอการแก้ไขความขัดแย้งนี้โดยการมาศึกษาศาสนาทั้งสองให้ดีมาก่อนการเอามาพูด แล้วเราก็จะไม่มีเสียงโต้ตอบตามกระทู้อีกต่อไป
ปัญหาการขาดโอกาสทางการศึกษาและการขาดการเรียนรู้ม้งศึกษา การขาดโอกาสทางการศึกษาขั้นพื้นฐานที่รัฐบาลจัดให้ ถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ทั่วไป ปัญหานี้ถ้าแก้ได้หายขาด ก็คงไม่มีให้เราหาวิธีแก้จนถึงทุกวันนี้ สำหรับเด็กม้งเรา นับว่ายังมีบางส่วนที่ขาดการศึกษาเพราะความไม่แข็งแรงของครอบครัว เพราะตัวผู้เรียนเอง และเพราะการไม่มีโอกาสจริงๆ เช่น เด็กน้อยตามศูนย์ลี้ภัยที่ต้องไปโรงเรียนแต่ไม่มีโรงเรียนให้ไป ฝันของพวกเขาคงไม่ไกลนัก แต่ข้าพเจ้าไม่มีวิธีใดที่จะช่วยพวกเขาได้เลย คงต้องถือเป็นความช่วยเหลือที่มาจากภาครัฐ ส่วนปัญหาการขาดการเรียนรู้ม้งศึกษา เราไม่ได้ศึกษามรดกทางด้านต่างๆของเรา ตระหนักดีว่าการศึกษาเป็นการอนุรักษ์ จึงขอสนับสนุนให้ม้งเห็นถึงคุณค่านี้ด้วย ณ วันนี้เราภูมิใจที่มีหนังสือม้ง เวปไซต์ม้ง คลื่นกระจายเสียงผ่านทางวิทยุ ภาพยนตร์และเพลงในรูปแบบซีดีและดีวีดี และหนังสือพิมพ์ที่ผลิตสื่อเกี่ยวกับม้งมาให้เราได้อ่าน แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ยังไม่ครอบคลุมถึงม้งทั่วทุกพื้นที่ในโลก หรือแม้แต่ในจังหวัดจังหวัดหนึ่ง คิดเล่นๆว่าหากม้งมีสำนักงานวิชาการม้งตามความฝันของม้งผู้นามแฝงว่า Haiv Hmoob มาเก็บความรู้ทุกอย่างของม้งไว้ในที่เดียวกันก็คงจะดีมาก ฉะนั้นคงถึงเวลาสำหรับม้งผู้รู้เรื่องม้งในด้านต่างแล้วที่จะต้องมารวมตัวกัน ข้าพเจ้าเชื่อว่าหากสถานที่แห่งนี้มีจริง นอกจากจากเป็นแหล่งความรู้เกี่ยวกับม้งแล้ว ยังคงเป็นที่ที่สามารถช่วยม้งให้มีโอกาสทางการศึกษาขั้นพื้นฐานได้มากขึ้นด้วย ทุกวันนี้เพราะเราไม่มีสิ่งนี้เป็นของกลาง เราจึงไม่ได้ข้อมูลของเรา เราได้ข้อมูลของสังคมที่เราอยู่มากกว่า ฉะนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ม้งส่วนใหญ่มีการศึกษาในเรื่องของวิชาการคนอื่น แต่ขาดการศึกษาวิชาเรา แล้วนำมาซึ่งความไม่รู้จักแก้ปัญหาของตัวเราเอง
ปัญหาความเป็นม้งมีให้เห็นมากกว่าเดิม ปัญหานี้ทั้งคนอื่นและม้งช่วยกันทำให้ม้งดู ม้งพูดไม่ชัดตามเพลงในโทรทัศน์ ผ้าม้ง ลายผ้าม้งห้อยตามร้านต่างทั้งในและนอกประเทศ ภาพยนต์ไทยสร้างม้งประหลาดให้คนดู คลิปและภาพม้งเซกส์มีให้ดับความกระหายของตา ความก้าวหน้านี้ก็ทำให้เกิดความเสียหายต่อม้ง ผู้ผลิตสื่อประเภทนี้ไม่ได้คิดอะไรมากกับผู้มีนามว่าม้ง เพราะเงินแท้ๆที่เป็นทำลายความเป็นม้งดั้งเดิม ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหากินยาแล้วไม่หาย แต่หากมีมาตราการก็พอบรรเทาลงได้ ม้งที่พูดไทยชัด ก็ขอชื่นชมไป แต่คนที่พูดภาษาไทยไม่ชัด ขอบอกว่าเป็นความปกติ คนไทยพูดปภาษาอังกฤษไม่ชัด แต่คนฝรั่งเข้าใจ เป้าหมายของการสื่อสารโดยแท้จริงคือเพื่อการส่งสารและรับสารอย่างเข้าใจกันเท่านั้นเอง การสร้างหนังอะไรต่อมิอะไรให้คนอื่นเขาดู ลายผ้าต่างๆที่ถูกโอนสิขสิทธิ์เข้าร้านต่างๆ หากผู้มีใจรักคิดทำธุกิจ ก็ควรจดสิขสิทธิ์เป็นเจ้าของก่อนขายให้ผู้อื่น ตำรับยาสมุนไพรม้งที่ดีๆ ก็อย่าลืมสงวนเป็นของเราก่อนถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ผู้ชอบหยิบไปโดยมิชอบธรรม
ปัญหาหาการถูกละทิ้ง ม้งหลายพันคนขณะนี้อาศัยอยู่ในศูนย์ลี้ภัยทั้งเด็กผู้ใหญ่ เด็กมีหน้าที่ต้องเรียน แต่กลับต้องทำงานหรืออยู่เฉยๆ ผู้ใหญ่ต้องทำงานแต่กลับไม่มีที่ให้ทำกิน แล้วเราจะอยู่อย่างไร ณ ขณะนี้เรามีม้งอยู่สองกลุ่มคือ ม้งที่กำลังลำบากอยู่ทั้งจากการกระทำของตัวเองและผู้อื่น กลุ่มที่สองคือม้งที่มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่มีกำลังมากพอที่จะช่วยผู้อื่นได้ ข้าพเจ้าเองไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร ผู้ที่ลี้ภัยก็มี ผู้ที่หลบหนีเข้ามาก็มี ไทยไม่สามรถรับไว้ได้หมด แต่ขณะนี้ก็มีกลับสู่ถิ่นที่เขามาบ้างแล้ว ส่วนที่เหลือตอนนี้ในศูนย์อพยพดูเหมือนเขาอยากได้บ้านที่ปลอดภัย แต่ข้าพเจ้าหาวิธีช่วยไม่ได้ นอกจากส่งภาษาหนุนใจผ่านกระดาษนี้ไปถึงใจทุกคน
ปัญหาทั้งหมดนี้หากคาดหวังให้ภาคส่วนต่างๆเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหาของเรา คิดว่าคงล่าช้าและแก้ปัญหาไม่ตรงประเด็น ใครจะแก้ปัญหาม้งดีกว่าม้ง รัฐยังคงมีข้อจำกัดจัดงบประมาณในการฟื้นฟู ส่งเสริม และแก้ไขปัญหาในประเทศ ขณะเดียวกันม้งเราเองอยู่กันคนละทิศ จึงไม่มีกำลังความสามารถที่เพียงพอจะยืนด้วยกำลังของตัวเองได้เสมอต้นเสมอปลาย ด้วยความจริงที่เป็นอยู่อย่างนี้ ปัญหาต่างๆที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น ข้าพเจ้าไม่มีวิธีการแก้ไขที่เป็นรูปธรรมอะไร มืดทุกครั้งที่คิดถึงปัญหาเหล่านี้ แม้มืดทุกทิศแต่คิดว่าการแก้ปัญหาที่แท้จริงในขณะนี้คือ การเข้าใจปัญหา หากเราเข้าใจตรงกันเมื่อไหร่แล้ว ม้งก็จะแปลว่าม้ง ม้งที่เป็นกลุ่มหนึ่งในกลุ่มเกษตรกรดั้งเดิมของโลก ม้งที่ไม่ใช่แม๋วแต่เป็นสมาชิกกลุ่มหนึ่งในแม๋ว และม้งจะไม่ใช้แม้วอีกต่อไป ขอบพระคุณมากที่ท่านได้ช่วยข้าพเจ้าแก้ปัญหาขั้นต้นด้วยการอ่านบทความนี้ แม้จะเยอะมากไปหน่อย แต่ถือเป็นวิธีแรกของข้าพเจ้าในการแก้ไขปัญหาของม้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ อย่างน้อยสิ่งต่างๆที่เขียนมาก็จะไปเกิดในความคิดของผู้พบเห็น จุดประกายให้เราเข้าใจกันและกัน ซึ่งนำไปสู่การแก้ใขปัญหาต่างๆที่เป็นรูปธรรมกันต่อไป ก่อนจากขอฝาก“หลักพัฒนาม้งปี๒oo๘: ศึกษาเขาศึกษาเรา เพื่อบรรเทา ลบคำผิด ปลูกจิตรัก ร่วมเป็นหนึ่ง”

โดย เราเรนไรเองจ้า

๒๕ ธันว่าคม ๒๕๕๑

No comments:

My Friends' Blogs

India and I

  • There are alots of things which waiting for us to discover. All knowledge is not around us,but inside. It is depended upon our ability to realise and pick it up. The apple falls from the tree,and if Newton failed to learn from it,then the law of gravitation would have not been discovered!!!
  • India is the country of contrast. You often see someting beyound your expectation.Yet,and I found that there is a tool similar to Hmong's ones expecially the stick used for balancing the two baskets for carrying water. I observed that their's one is like ours only. In Hmong language we can read it phonetically as " / dΛ ŋ/ ". This attracts me to look forward for the connection.
  • India has also have a interesting story "Why corps in the filed do not come home themselves like in the past?" I have heard this story when I was a child. Thus when I came across this Indian legend ,it reminds me of the Hmong version. If you are interested you can check it out form my page in Thai text,otherwise you can surf it. This story creates another couriosity in me. I want to find out if we had been to India before we reached in China. Because the ICE AGE or the Peleolithic Age or The Earliest traces of human existance was in India.
  • India is where we Hmongs think that there are also Hmongs live in. But I have experienced that there is not Hmong Indian. Yet,there is a gruop of people who call themselves as "Mizo"(with the similarity of the Hmong's names given by the Han, i.e. Miao zu,Meo or even Mizo ) .But as far as I have learnt form my Mizo friends in college,our language is competely different to one another.Moreover, our dress also is different. However there are many Hmong researchers suggested me that there are Hmongs living in India,and yes, there are Hmongs living here, but only living for studying.
  • I was in debt to India. She educates,guides and teaches me how to be a great survior.
  • เป็นกำลังใจให้ทุกคนๆเดินออกมาพร้อมความสำเร็จนะ
  • ใครเรียนอยู่อินเดียบ้าง..ขอมือหน่อย