Friday, March 6, 2009

อะไรวันนี้


เคยถามตัวเองว่าเกิดมาทำไม ?
เกิดมาแล้วได้ชีวิต...แล้วถามอีกว่าชีวิตคือะไร?
ชีวิตคือการมีลมหายใจ...มีลมหายใจแล้วยังไม่พอเหรอ?
เพราะชีวิตไม่ได้เพียงแค่ต้องการลมหายใจ มันต้องการอะไรที่มากกว่าลมหายใจ ฉันและเธอทุกคนถึงต้องเดินขึ้นเดินลงวันแล้ววันเล่าตราบจนถึงวันนั้นวันหนึ่งที่ชีวิตหมดไป เรื่องราวของชีวิตถึงหมดกัน
ฉันแบ่งช่วงชีวิตออกคราวๆเป็นสามชั่วเองในชีวิตหนึ่งๆ ตอนนี้เดินทางมาได้แล้วหนึ่งส่วนสามของอายุไขของคน แต่ว่าจะรู้ไหมเล่าว่าเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ ชั่วโมงหน้า พรุ่งนี้ เดือนถัดไป ปีหน้า หรือเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้

เช้านี้ที่นี่ประมาณเที่ยงวันที่ไทย ฉันคุยกับแม่เหมือนเคย แต่แม่บอกว่าแม่ไม่มีอะไรจะให้ เราคิดในใจ " เอ้ะ แม่ต้องให้เราหรือ หรือว่าเราต้องให้แม่" แม่พูดเหมือนรู้สึกผิดที่เราต่างอยู่ไกลกัน ส่วนฉันก็ไม่รู้ว่าจะว่าอย่างไรดี ก็เลยได้แต่เอ่ยอ้างตามทษฏีที่คุณครูสอนมา เหมือนเคยๆคือน้ำตาแม่ไหลเป็นเรื่องปกติสำหรับฉันไปเสียแล้ว

แม่ร้องเพราะลูกไม่รักดีก็มีอยู่สองครั้ง แม่ร้องเพราะความคิดถึงนี้แหละเป็นตัวการทำให้ฉันร้องไห้ตามๆกันเสมอ เคยได้ยินอาจารย์บรรณารักษืที่สะเมิงบอกว่า ใครทำให้แม่ร้องไห้นั้นบาปอย่างมหาศาล ลองมาคิดๆอยู่แล้ว...ฉันก็เคยลองมาเกือบทุกอย่างเหมือนกัน ทั้งดีและไม่ดี...ที่แน่ๆบาปหรือบุญที่ได้เกิดมา...

วันนี้แม่ไม่อยู่กับฉันตรงนี้ วันเวลาอย่างนี้อยากบอกว่าคิดถึงแม่ที่สุดเลย....ฝากความรัก ความห่วงใยให้ฟากฟ้าพาพัดไปโอบกอดแม่ของฉันด้วยเทอญ ส่วนพ่อให้น้องกอดละกันน้อ


ดึกๆเล่นกันมาไม่ทันจะนั่งติดเก้าอี้ ญี่ปุ่นรูปหล่อก็เดินมาซาโยนาระ แล้วบอกปนๆกับภาษาชินจังว่าพรุ่งนี้จะไปเล่นอีก 9pm เด็กญี่ปุ่นพวกนั้นแตกต่างจากพวกเรานะ พวกเค้าก็วัยเดียวๆกันกับเรา แต่ลักษณะการแต่งกายของพวกเขาดูกุ๊กกิ๊กๆ ทำให้พวกเค้าน่ารักกว่าพวกเราจนได้(กิกิ) มานั่งพรางคิดไปว่า เอ้ะ ป่านนี้แล้วหรือ อืม..ยังไม่ถึงเลย...สักครู่ เสียงเสียงหนึ่งก็โต้ตอบมาว่า "ก็เกิดที่ไทยนิ" คุ้นเคยกับนี้ได้ไม่นาน เราพลางคิดในใจว่า" ไอ้หมอนี้ช่างคิดจังเลยแฮะ" อืม...คงเป็นเรื่องที่แปลกมากสำหรับเราที่มีโอกาสและวันเวลาอย่างนี้ ปกติแล้วก็เฉยๆกับสิ่งนี้ แต่ดูเหมือนเมื่อผู้คนรอบตัวต่างให้ความสำคัญ เราเลยต้องเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสีแค่นั้นเอง อย่างไรก็ตามมีความสุขที่ได้ยินเสียงแรกเป็นเสียงนักดนตรีมาช่วยคลอเคลียกับบรรยากาศดีๆของความเงียบสงบในค่ำคืนนี้ เป็นเนื้อหาเป็นเรื่องราวที่เคยได้ยินมาก่อนแล้วหลายๆปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่เคยได้ยินในรอบปีนี้ เลยรู้สึกปลื้มในเสียงทุ่มๆ ลูกคอสั่นหน่อยๆของเธอ และแล้วก็เหลือไว้แต่ความเงียบให้ตัวฉันคิดต่อเหมือนเช่นเคย
ไม่นานนักเสียงประตูก็มาสะกั้นความคิดฉัน เคาะเป็นจังหวะๆ ทำให้ฉันรู้เลยว่าคือผู้ใด๋ มาสร้างสีสันในค่ำคืนนี้ได้อีกครึ่งชั่วโมง พอพวกเค้ากลับ ฉันก็มาต่อบันทึกนี้ และตอนนี้เพิ่งจะมาดูเวลาก็ปาเข้าไปแล้ว 22...1.38pm เรียบร้อยแล้ว...เฮ้ย!!ตะกี้ยังบอกกะสาวJapaneseว่า 21เลย. อีกหน่อยก็ 33,44,55,66 แล้วจะมีโอกาสได้ตัวเลขเหมือนกันอย่างนี้กี่ตัวก็ไม่รู้เลย...

ขอลืมความทุกข์ จำความสุขสักวันนะ..ขอบพระคุณท่านมากเลยนะคะสำหรับอะไรที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้
ต่อไปนี้ลูกโตเป็นสาวนิดหน่อยอีกแล้ว..แต่เสียดายแม่ชราลงอีกนิดหน่อย...ไม่นานวันจะกลับมาอยู่ด้วยแล้ว


โลกนี้กว้างใหญ่ แต่แล้วทำไมฉันอยู่แต่ในโลกเล็กๆแคบๆของฉันอ่ะจ้า??
ได้กุญแจ่เพิ่มอีกดอกหนึ่งแล้วนิ...ก็เดินทางต่อไปสู่คว่มฝันของตัวเองนะ...และเป็นแรงใจให้ทุกคนเสมอ

No comments:

My Friends' Blogs

India and I

  • There are alots of things which waiting for us to discover. All knowledge is not around us,but inside. It is depended upon our ability to realise and pick it up. The apple falls from the tree,and if Newton failed to learn from it,then the law of gravitation would have not been discovered!!!
  • India is the country of contrast. You often see someting beyound your expectation.Yet,and I found that there is a tool similar to Hmong's ones expecially the stick used for balancing the two baskets for carrying water. I observed that their's one is like ours only. In Hmong language we can read it phonetically as " / dΛ ŋ/ ". This attracts me to look forward for the connection.
  • India has also have a interesting story "Why corps in the filed do not come home themselves like in the past?" I have heard this story when I was a child. Thus when I came across this Indian legend ,it reminds me of the Hmong version. If you are interested you can check it out form my page in Thai text,otherwise you can surf it. This story creates another couriosity in me. I want to find out if we had been to India before we reached in China. Because the ICE AGE or the Peleolithic Age or The Earliest traces of human existance was in India.
  • India is where we Hmongs think that there are also Hmongs live in. But I have experienced that there is not Hmong Indian. Yet,there is a gruop of people who call themselves as "Mizo"(with the similarity of the Hmong's names given by the Han, i.e. Miao zu,Meo or even Mizo ) .But as far as I have learnt form my Mizo friends in college,our language is competely different to one another.Moreover, our dress also is different. However there are many Hmong researchers suggested me that there are Hmongs living in India,and yes, there are Hmongs living here, but only living for studying.
  • I was in debt to India. She educates,guides and teaches me how to be a great survior.
  • เป็นกำลังใจให้ทุกคนๆเดินออกมาพร้อมความสำเร็จนะ
  • ใครเรียนอยู่อินเดียบ้าง..ขอมือหน่อย